ช้อมูลทั่วไป
ชื่อภาษาไทย | เมทิลีนคลอไรด์ |
ชื่อภาษาอังกฤษ | Methylene chloride |
ชื่อทางการค้า | |
ประเภทสารเคมี | 6.1 สารพิษ |
Cas no. | 75-09-2 |
UN Number | 1593 |
Formula | CH2 Cl2 |
จุดเดือด | 40 ํC องศาเซลเซียส |
จุดหลอมละลาย | -95.1 ํC องศาเซลเซียส |
AEGL1 | 200 |
AEGL2 | 560 |
AEGL3 | 6900 |
NFPA |
1
2
0
|
ความอันตราย
กลุ่มสารเคมี | สารตัวทำละลายฮาโลเจน |
Polimerization | ไม่เป็น Polimerization |
สารเคมีมีอันตรายสูงหากสูดดม (Toxic Inhalation Hazard:TIH) | ไม่เป็น |
ก๊าซพิษเมื่่อสารสัมผัสกับน้ำ | |
อัคคีภัยหรือการระเบิด | 1.สารบางชนิดอาจลุกไหม้ แต่ไม่มีชนิดใดที่ลุกไหม้ได้ทันที
2.ส่วนใหญ่ไอระเหยสารหนักกว่าอากาศภาชนะบรรจุอาจระเบิดได้เมื่อได้รับความร้อน 3.ส่วนผสมระหว่างอากาศและไอระเหยสารอาจระเบิดเมื่อถูกจุด 4.ภาชนะบรรจุอาจระเบิดได้เมื่อได้รับความร้อน |
ผลต่อสุขภาพ | 1.เป็นพิษจากการกิน : ไอระเหยสารอาจทำให้เวียนศีรษะและหายใจไม่ออก
2.การได้รับสารเมื่ออยู่ในที่อับอากาศเกิดอันตรายมาก 3.การสัมผัสกับสารอาจทำผิวหนังและดวงตาระคายเคืองและเป็นแผลไหม้ 4.เพลิงไหม้อาจทำให้เกิดก๊าซที่มีฤทธิ์ระคายเคือง กัดกร่อน และ/หรือเป็นพิษ 5.น้ำเสียจาการดับเพลิงหรือที่ใช้เจือจางสาร อาจก่อมลพิษ |
การเข้าระงับเหตุเบื้องต้น
คำแนะนำเบื้องต้น | 1.โทรแจ้งหมายเลขฉุกเฉินที่ระบุในเอกสารกำกับขนส่ง หากไม่พบเอกสาร ฯ หรือ ไม่มีผู้รับสายให้โทรแจ้ง
2.กั้นแยกพื้นที่ที่สารรั่วไหลทันที่อย่างน้อย 50 เมตร (150 ฟุต) ถ้าเป็นของเหลว และอย่างน้อย 25 เมตร(75 ฟุต) ถ้าเป็นของแข๊ง ทุกทิศทาง 3.กันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องออกห่างจากพื้นที่ 4.อยู่เหนือลม 5.ห้ามอยู่ในที่ต่ำ 6. ระบายอากาศพื้นที่อับอากาศก่อนเข้าระงับเหตุ 7.ก๊าซหลายชนิดจะหนักกว่าอากาศและจะแพร่กระจายไปตามพื้น สะสมตัวในที่ต่ำหรือที่อับอากาศ (ท่อระบายน้ำ ห้องใต้ดิน ถังเก็บ) |
กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง | 50 |
กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง กรณีสารมีสถานะเป็นของเหลว | 50 |
กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง กรณีสารมีสถานะเป็นของแข็ง | 25 |
ชุดป้องกัน
คำแนะนำ | 1.สวมใส่ชุดเครื่องช่วยหายใจส่วนบุคคลแบบมีถังอากาศ
2.สวมชุดป้องกันอันตรายจากสารเคมีตามข้อแนะนำของบริษัทผู้ผลิต ทั้งนี้ชุดป้องกันอันตรายจากสารเคมีไม่สามารถป้องกันอันตรายจากความร้อนสูง 3.ชุดดับเพลิงสามารถป้องกันอันตรายได้อย่างจำกัดเมื่อเกิดกรณีเพลิงไหม้สารแต่อาจไม่สามารถป้องกันอันตรายอย่างมีประสิทธิภาพกรณีที่เกิดเฉพาะการหกรั่วไหล |
ข้อควรระวัง | |
Type |
การอพยพ
การรั่วไหลขนาดเล็ก
กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) | 0 |
เขตป้องกันใต้ลม กลางวัน (เมตร) | 0 |
เขตป้องกันใต้ลม กลางคืน (เมตร) | 0 |
การรั่วไหลขนาดใหญ่
กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) | 0 |
เขตป้องกันใต้ลม กลางวัน (เมตร) | 0 |
เขตป้องกันใต้ลม กลางคืน (เมตร) | 0 |
กรณีเกิดการเพลิงไหม้
คำอธิบายการอพยพ ในกรณีที่เกิดการลุกไหม้ | 1.หากถังบรรจุขนาดใหญ่ ตู้รถไฟหรือรถบรรทุกสาร เกี่ยวข้องกับเพลิงไหม้ ให้กั้นแยกพื้นที่เกิดเหตุ 800 เมตร ( 1/2 ไมล์) และพิจารณาอพยพประชาชนเบื้องต้น 800 เมตร ( 1/2 ไมล์) ทุกทิศทาง |
กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) | 800 |
ระยะอพยพประชาชน ในกรณีที่เกิดเพลิงไหม้ หน่วยเป็นเมตร | 800 |
คำแนะนำ |
การดำเนินการเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
กรณีเกิดการเพลิงไหม้
ข้อควรระวัง หรือคำเตือน เ | |
เพลิงไฟขนาดเล็ก | 1.ผงเคมีแห้ง CO2 ทราย น้ำฉีดเป็นฝอย |
เพลิงไฟขนาดใหญ่ | 1.ผงเคมีแห้ง CO2 โฟมดับเพลิงชนิดมีขั้วหรือน้ำฉีดเป็นฝอย
2.เคลื่อนย้ายวัสดุที่ติดไฟได้ออกจากแนวการไหลของสาร หากทำได้โดยไม่เสี่ยงอันตราย 3.สร้างคันกั้นหรือร่องกักน้ำเสียจากการดับเพลิงเพื่อนำไปกำจัดภายหลัง ห้ามทำให้สารกระจาย |
เพลิงไหม้ หรือ เกิดอยู่ใกล้ ภาชนะบรรจุหรือรถขนส่ง | 1. ฉีดน้ำดับเพลิงจากระยะไกลที่สุด หรือใช้หัวฉีดน้ำชนิดที่ไม่ต้องใช้คนควบคุมรหรือใช้แท่นฉีดน้ำแทน
2.ฉีดหล่อเย็นภาชนะบรรจุด้วยน้ำปริมาณมาก จนกว่าเพลิงจะสงบ 5. ถอนกำลังเจ้าหน้าที่ทันทีหากอุปกรณ์ระบายความดันนิรภัยของภาชนะบรรจุเกิดเสียงดังหรือภาชนะบรรจุเปลี่ยนสี 2. อยู่ห่างจากภาชนะบรรจุที่ไฟลุกท่วมตลอดเวลา |
เพลิงไหม้ หรือ เกิดอยู่ใกล้ ตู้สินค้า |
กรณีเกิดการหกรั่วไหล
วิธีการเข้าระงับเหตุ | 1..กำจัดแหล่งที่อาจทำให้เกิดการจุดไฟทั้งหมด (ห้ามสูบบุหรี่ จุดพลุ ทำให้เกิดประกายไฟหรือเปลวไฟบริเวณจุดเกิดเหตุ)
2. ระงับการรั่วไหลของสาร หากทำได้โดยไม่เสี่ยงอันตราย |
คำเตือนสำหรับการเข้าระงับเหตุเมื่อเกิดการหกรั่วไหล | |
หกรั่วไหลปริมาณเล็กน้อย | 1.ดูดซับด้วยทราย ดิน หรือวัสดุชนิดอื่นที่ไม่ติดไฟ |
หกรั่วไหลปริมาณมาก | 1.สร้างคันกั้นหรือขุดร่องกักน้ำเสียจากการดับเพลิงเพื่อนำไปกำจัดภายหลัง
2.ป้องกันมิให้สารไหลลงน้ำ ท่อระบายน้ำ ชั้นใต้ดิน หรือบริเวณอับอากาศ |
การปฐมพยาบาล
คำแนะนำ | 1.นำผู้บาดเจ็บไปยังพื้นที่ปลอดภัย ไกลจากบุคคลอื่น
2. โทรแจ้ง 191 หรือหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ฉุกเฉิน 1669 3. ใช้เครื่องช่วยหายใจหากผู้บาดเจ็บหยุดหายใจ 4. ให้ออกซิเจนถ้าผู้บาดเจ็บหายใจลำบาก 5. ถอดและแยกเก็บเสื้อผ้าและรองเท้าที่ปนเปื้อน 5. ถ้าสัมผัสกับสาร ให้ล้างผิวหนังและดวงตาโดยวิธีให้น้ำหลผ่านทันที อย่างน้อย 20 นาที 6.หากผิวหนังสัมผัสกับสารเล็กน้อย ต้องหลีกเลี่ยงมิให้สารแพร่กระจายสัมผัสผิวหนังบริเวณอื่น ๆ 7.ล้างผิวด้วยสบู่และน้ำ 8. รักษาอุณหภูมิร่างกายผู้บาดเจ็บให้อบอุ่นและให้อยู่ในที่สงบ 9. ต้องมั่นใจว่าหน่วยแพทย์ทราบชนิดและอันตรายของสารต่าง ๆ รวมทั้งมีการป้องกันตนเองอย่าง |
มาตรการกำจัดของเสีย
ห้ามปล่อยสารนี้ออกสู่สิ่งแวดล้อม ทําการดูดระบายอากาศเก็บรวบรวมสารที่เป็นของเหลวที่หกออกมา ใส่ในภาชนะที่ปิดสนิทให้มากที่สุด ใช้ทรายหรือสารดูดซับเฉื่อยโรย ที่ของเหลวที่เหลือแล้วนําไปทิ้งในที่ปลอดภัย |
การทำปฏิกิริยา การระเบิด
สารนี้ทําปฏิกิริยา อย่างรุนแรงกับโลหะเช่น ผงอะลูมิเนียม ผงแมกนีเซียม ด่างแก่และสารออกซิไดซ์อย่างแรง ทําให้เกิดไฟไหม้และการระเบิด |
ข้อมูลสารเคมีที่ทําปฏิกิริยากัน
ข้อมูลการเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศน์
สารนี้เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ควรให้ความสนใจเกี่ยวกับการปนเปื้อนแหล่งน้ําเป็นพิเศษ |
มาตรการป้องกัน
เก็บแยกจากโลหะก็บในที่เย็น มีการระบายอากาศตามแนวพื้น |