ช้อมูลทั่วไป
| ชื่อภาษาไทย | |
| ชื่อภาษาอังกฤษ | Chlorine pentafluoride |
| ชื่อทางการค้า | |
| ประเภทสารเคมี | 2.3 ก๊าซพิษ |
| Cas no. | 13637-63-3 |
| UN Number | 2548 |
| Formula | |
| จุดเดือด | 0 องศาเซลเซียส |
| จุดหลอมละลาย | 0 องศาเซลเซียส |
| AEGL1 | 0.015 |
| AEGL2 | 0.17 |
| AEGL3 | 8 |
| NFPA |
0
0
0
|
ความอันตราย
| กลุ่มสารเคมี | ก๊าซ - เป็นพิษ และ/หรือ กัดกร่อน - ออกซิไดซ์ |
| Polimerization | ไม่เป็น Polimerization |
| สารเคมีมีอันตรายสูงหากสูดดม (Toxic Inhalation Hazard:TIH) | เป็น |
| ก๊าซพิษเมื่่อสารสัมผัสกับน้ำ | |
| อัคคีภัยหรือการระเบิด | 1.สารบางชนิดอาจลุกไหม้ แต่ไม่มีชนิดใดลุกไหม้ทันที
2.ไอระเหยจากก๊าซเหลว ในขั้นต้นจะหนักกว่าอากาศ และแพร่กระจายไปตามพื้น 3.เป็นสารออกซิไดซ์อย่างแรง สามารถทำปฏิกิริยาอย่างรุนแรงหรืออาจระเบิดได้เมื่อผสมกับสารหลายชนิดรวมทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง 4.อาจทำให้สารที่ลุกติดไฟ เช่น ไม้ กระดาษ น้ำมัน ผ้า ลุกติดไฟ 5.สารบางชนิดจะทำปฏิกิริยากับอากาศ ความชื้นในอากาศ และ/หรือ น้ำ 6.ถังบรรจุก๊าซทรงกระบอกที่ถูกเพลิงไหม้อาจปล่อยก๊าซไวไฟออกมาทางอุปกรณ์ควาบคุมความดันนิรภัย 7.ภาชนะบรรจุอาจระเบิดเมื่อได้รับความร้อน 8.ถังบรรจุก๊าซทรงกระบอกที่ฉีกขาดอาจพุ่งไปในทิศทางต่าง ๆ |
| ผลต่อสุขภาพ | 1.เป็นพิษ อาจทำให้เสียชีวิตหากสูดดมหรือสารดูดซึมผ่านผิวหนัง
2.หากสารเกิดลุกไหม้ อาจเกิดก๊าซที่มีฤทธิ์ระคายเคือง กัดกร่อน และ/หรือเป็นพิษ 3.การสัมผัสก๊าซหรือก๊าซเหลวอาจเกิดแผลไหม้ บาดเจ็บหาหัส และ/หรือแผลจากความเย็นจัด 4.น้ำเสียจากการดับเพลิงอาจก่อมลพิษ |
การเข้าระงับเหตุเบื้องต้น
| คำแนะนำเบื้องต้น | 1.โทรแจ้งหมายเลขฉุกเฉินที่ระบุในเอกสารกำกับขนส่ง หากไม่พบเอกสาร ฯ หรือ ไม่มีผู้รับสายให้โทรแจ้งหมายเลขที่เหมาะสมที่ระบุอยู่ด้านในปกหลังคู่มือ
2.กั้นแยกพื้นที่ที่สารรั่วไหลทันที่อย่างน้อย 100 เมตร(330 ฟุต) ทุกทิศทาง 3.กันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องออกห่างจากพื้นที่ 4.อยู่เหนือลม 5.ห้ามอยู่ในที่ต่ำ 6. ก๊าซหลายชนิดจะหนักกว่าอากาศและจะแพร่กระจายไปตามพื้น สะสมตัวในที่ต่ำหรือที่อับอากาศ (ท่อระบายน้ำ ห้องใต้ดิน ถึงเก็บ) 7. ระบายอากาศพื้นที่อับอากาศก่อนเข้าระงับเหตุ |
| กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง | 100 |
| กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง กรณีสารมีสถานะเป็นของเหลว | 0 |
| กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง กรณีสารมีสถานะเป็นของแข็ง | 0 |
ชุดป้องกัน
| คำแนะนำ | 1.สวมใส่ชุดเครื่องช่วยหายใจส่วนบุคคลแบบมีถังอากาศ
2.สวมชุดป้องกันอันตรายจากสารเคมีตามข้อแนะนำของบริษัทผู้ผลิต ทั้งนี้ชุดป้องกันอันตรายจากสารเคมีไม่สามารถป้องกันอันตรายจากความร้อนสูง 3.ชุดดับเพลิงสามารถป้องกันอันตรายได้อย่างจำกัดเมื่อเกิดกรณีเพลิงไหม้สารแต่อาจไม่สามารถป้องกันอันตรายอย่างมีประสิทธิภาพกรณีที่เกิดเฉพาะการหกรั่วไหล |
| ข้อควรระวัง | |
| Type |
การอพยพ
การรั่วไหลขนาดเล็ก
| กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) | 0 |
| เขตป้องกันใต้ลม กลางวัน (เมตร) | 0 |
| เขตป้องกันใต้ลม กลางคืน (เมตร) | 0 |
การรั่วไหลขนาดใหญ่
| กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) | 0 |
| เขตป้องกันใต้ลม กลางวัน (เมตร) | 0 |
| เขตป้องกันใต้ลม กลางคืน (เมตร) | 0 |
กรณีเกิดการเพลิงไหม้
| คำอธิบายการอพยพ ในกรณีที่เกิดการลุกไหม้ | 1.หากถังบรรจุขนาดใหญ่ ตู้รถไฟหรือรถบรรทุกสาร เกี่ยวข้องกับเพลิงไหม้ ให้กั้นแยกพื้นที่เกิดเหตุ 800 เมตร ( 1/2 ไมล์) และพิจารณาอพยพประชาชนเบื้องต้น 800 เมตร ( 1/2 ไมล์) ทุกทิศทาง |
| กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) | 800 |
| ระยะอพยพประชาชน ในกรณีที่เกิดเพลิงไหม้ หน่วยเป็นเมตร | 800 |
| คำแนะนำ |
การดำเนินการเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
กรณีเกิดการเพลิงไหม้
| ข้อควรระวัง หรือคำเตือน เ | |
| เพลิงไฟขนาดเล็ก | 1.สารเหล่านี้ไม่ลุกติดไฟ แต่ช่วยสนับสนุนการเกิดเพลิงไหม้ บางชนิดทำปฏิกิริยาอย่างรุนแรงกับน้ำ
2.ควบคุมเพลิงให้อยู่ในบริเวณจำกัดหากจำเป็นต้องดับเพลิง ควรใช้น้ำฉีดเป็นลำฝอยหรือหมอก 3.ใช้น้ำเท่านั้น ห้ามใช้ ผงเคมีแห้ง CO2 หรือ ฮาลอน 4.ห้ามฉีดน้ำเข้าไปภายในภาชนะบรรจุ 5.เคลื่อนย้ายภาชนะบรรจุออกจากบริเวณเพลิงไหม้ หากทำได้โดยไม่เสี่ยงอันตราย 6. ท่อบรรจุก๊าซทรงกระบอกที่ชำรุดต้องได้รับการจัดการโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ |
| เพลิงไฟขนาดใหญ่ | |
| เพลิงไหม้ หรือ เกิดอยู่ใกล้ ภาชนะบรรจุหรือรถขนส่ง | 1. ฉีดน้ำดับเพลิงจากระยะไกลที่สุด หรือใช้หัวฉีดน้ำชนิดที่ไม่ต้องใช้คนควบคุมรหือใช้แท่นฉิดน้ำแทน
2. ฉีดน้ำปริมาณมากหล่อเย็นภาชนะบรรจุ จนกว่าเพลิงจะสงบ 3. ห้ามฉีดน้ำไปยังรอยรั่วหรืออุปกรณ์ระบายความดันโดยตรง อาจมีน้ำแข็งเกาะบริเวณดังกล่าว 4. ถอนกำลังเจ้าหน้าที่ทันทีหากอุปกรณ์ระบายความดันนิรภัยของภาชนะบรรจุเกิดเสียงดังหรือภาชนะบรรจุเปลี่ยนสี 5. อยู่ห่างจากภาชนะบรรจุที่ไฟลุกท่วมตลอดเวลา 6. สำหรับเพลิงไหม้รุนแรงและใหญ่มาก ให้ใช้หัวฉีดชนิดที่ไม่ต้องใช้มือจับหรือใช้แท่นฉิดน้ำแทนหากไม่มีให้ถอนกำลังออกจากพื้นที่และปล่อยให้ไฟลุกไหม้จนดับไปเอง |
| เพลิงไหม้ หรือ เกิดอยู่ใกล้ ตู้สินค้า |
กรณีเกิดการหกรั่วไหล
| วิธีการเข้าระงับเหตุ | 1. สวมชุดป้องกันไอระเหยสารแบบคลุมทั้งตัว หากต้องปฏิบัติหน้าที่ในบริเวณที่มีการรั่วไหล แต่ไม่มีเพลิงไหม้
2.แยกวัสดุ/สารที่ลุกติดไฟได้ (ไม้ กระดาษ น้ำมัน ฯ) ออกจากบริเวณที่มีการรั่วไหล 3.ห้ามสัมผัสหรือเดินย่ำผ่านบริเวณที่สาารหกรั่วไหล 4. ระงับการรั่วไหล ทำได้โดยไม่เสี่ยงอันตราย 5. หากเป็นไปได้ให้หมุนภาชนะบรรจุจนอยู่ในต่ำแหน่งที่จะมีก๊าซรั่วออกมาเท่านั้น แทนที่จะเป็นของเหลว 6. ป้องกันมิให้สารไหลลงน้ำ ท่อระบายน้ำ ชั้นใต้ดิน หรือบริเวณอับอากาศ 7. ฉีดน้ำเป็นฝอยดักจับกลุ่มไอระเหยสารเพื่อลดความเข้มข้นหรือเปลี่ยนทิศทางไอระเหย แต่พยายามอย่าให้น้ำที่ฉีดไหลไปสัมผัสกับตัวสารที่หกรั่วไหลโดยตรง 8. ห้ามฉีดน้ำใส่สารที่นองพื้นที่หรือจุดรั่วไหลโดยตรง 9. กันบริเวณจนกว่าก๊าซพิษเจือจางไป |
| คำเตือนสำหรับการเข้าระงับเหตุเมื่อเกิดการหกรั่วไหล | |
| หกรั่วไหลปริมาณเล็กน้อย | |
| หกรั่วไหลปริมาณมาก | 1.พิจารณาอพยพประชาชนที่อาศัยอยู่ใต้ลมเบื้องต้นอย่างน้อย 100 เมตร (330 ไมล์) |
การปฐมพยาบาล
| คำแนะนำ | 1.นำผู้บาดเจ็บไปยังพื้นที่อากาศบริสุทธิ์
2. โทรแจ้ง 191 หรือหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ฉุกเฉิน 1669 3. ใช้เครื่องช่วยหายใจหากผู้บาดเจ็บหยุดหายใจ 4. ห้ามผายปอดด้วยวิธีการเผ่าปาก หากผู้บาดเจ็บกลือนหรือหายใจรับสารเคมีเข้าสู่ร่างกายให้ใช้เครื่องช่วยหายใจชนิดมีที่ครอบให้อากาศแบบวาล์วทางเดียว หรืออุปกรณ์ช่วยหายใจอื่นที่เหมาะสม 5. ให้ออกซิเจนถ้าผู้บาดเจ็บหายใจลำบาก 6. ถอดและแยกเก็บเสื้อผ้าและรองเท้าที่ปนเปื้อน 7.กรณีที่สัมผัสกับก๊าซเหลว ใช้น้ำอุ่นล้างเพื่อทำให้กล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวคลายตัว 8. ถ้าสัมผัสกับสาร ให้ล้างผิวหนังและดวงตาโดยวิธีให้น้ำหลผ่านทันที อย่างน้อย 20 นาที 9. รักษาอุณหภูมิร่างกายผู้บาดเจ็บให้อบอุ่นและให้อยู่ในที่สงบ 10.เฝ้าระวังอาการผู้บาดเจ็บ 11. อาการบาดเจ็บจากการสัมผัสกับสาร(หายใจ กิน สัมผัส) อาจเกิดขึ้นช้า (ภายใน 48 ชั่วโมง) 8. ต้องมั่นใจว่าหน่วยแพทย์ทราบชนิดและอันตรายของสารต่าง ๆ รวมทั้งมีการป้องกันตนเองอย่างเหมาะสม |
มาตรการกำจัดของเสีย
| ใช้สเปรย์น้ำเพื่อลดไอระเหย หลีกเลี่ยงการปล่อยให้น้ำไหลสัมผัสกับวัสดุที่หกรั่วไหลโดยตรง |
การทำปฏิกิริยา การระเบิด
| จะเกิดปฏิกิริยารุนแรงเมื่อสัมผัสกับวัสดุที่ติดไฟได้ ทำปฏิกิริยาอย่างรุนแรงกับลิเธียม, แคลเซียม ปฏิกิริยาที่รุนแรงอย่างยิ่งกับน้ำ ไอน้ำ แม้กระทั่งน้ำแข็ง และกรดแอนไฮดรัสไนตริก |
ข้อมูลสารเคมีที่ทําปฏิกิริยากัน
ข้อมูลการเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศน์
| ป้องกันการไหลสู่ทางน้ำ ท่อระบายน้ำ |