ช้อมูลทั่วไป
ชื่อภาษาไทย | คลอโรอะซิทิล คลอไรด์ |
ชื่อภาษาอังกฤษ | Chloroacetyl chloride |
ชื่อทางการค้า | |
ประเภทสารเคมี | 6.1 สารพิษ |
Cas no. | 79 -04 - 9 |
UN Number | 1752 |
Formula | C2H2Cl2O / ClCH2COCl |
จุดเดือด | 106°C องศาเซลเซียส |
จุดหลอมละลาย | -21.8°C องศาเซลเซียส |
AEGL1 | 0.04 |
AEGL2 | 1.6 |
AEGL3 | 52 |
NFPA |
0
3
1
|
ความอันตราย
กลุ่มสารเคมี | สาร-เป็นพิษ และ/หรือ กัดกร่อน(ติดไฟได้/ทำปฏิกิริยากับน้ำ) |
Polimerization | ไม่เป็น Polimerization |
สารเคมีมีอันตรายสูงหากสูดดม (Toxic Inhalation Hazard:TIH) | เป็น |
ก๊าซพิษเมื่่อสารสัมผัสกับน้ำ | |
อัคคีภัยหรือการระเบิด | 1.ติดไฟได้ : อาจลุกติดไฟ แต่ไม่ลุกติดไฟทันที
2.ภาชนะบรรจุอาจระเบิดได้เมื่อได้รับความร้อน 3.สารจะทำปฏิกิริยากับน้ำ (บางชนิดเกิดปฏิกิริยาอย่างรุนแรง) เกิดก๊าซและน้ำเสียที่มีฤทธิ์กัดกร่อนและ/หรือเป็นพิษ 4.เมื่อได้รับความร้อน ไอระเหยสารอาจผสมกับอากาศอาศเกิดส่วนผสมที่ระเบิดได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร และท่อน้ำเสีย 5.ไอระเหยของสารอาจลอยไปหาแหล่งความร้อนหรือประกายไฟ ติดไฟและเปลวไฟย้อนกลับไปยังต้นกำเนิดอย่างรวดเร็ว 6.ก๊าซหลายชนิดจะหนักกว่าอากาศและจะแพร่กระจายไปตามพื้น สะสมตัวในที่ต่ำหรือที่อับอากาศ (ท่าระบายน้ำ ห้องใต้ดิน ถังเก็บ) |
ผลต่อสุขภาพ | 1.เป็นพิษ : การสูดดม กิน หรือสัมผัส (ผิวหนัง ดวงตา) กับไอระเหย ฝุ่น หรือตัวสาร อาจเกิดการบาดเจ็บรุนแรง และแผนไหม้ หรือเสียชีวิต
2.การสัมผัสกับสารในสภาวะหลอมเหลวอาจทำให้ผิวหนังและดวงตาเกิดแผลไหม้ 3.การทำปฏิกิริยากับน้ำหรืออากาศที่มีความชื้นสูงจะเกิดก๊าซที่เป็นพิษกัดกรอ่น หรือไวไฟ 4.การทำปฏิกิริยากับน้ำอาจเกิดความร้อนสูง ทำให้ความเข้มข้นของไอสารในอากาศสูงขึ้น 5.หากสารเกิดลุกไหม้ อาจเกิดก๊าซที่มีฤทธิ์ระคายเคือง กัดกร่อน และ/หรือเป็นพิษ 6.น้ำเสียจากการดับเพลิงหรือน้ำที่ใช้เจือจางสารอาจก่อมลพิษ |
การเข้าระงับเหตุเบื้องต้น
คำแนะนำเบื้องต้น | 1.โทรแจ้งหมายเลขฉุกเฉินที่ระบุในเอกสารกำกับขนส่ง หากไม่พบเอกสาร ฯ หรือ ไม่มีผู้รับสายให้โทรแจ้ง
2.กั้นแยกพื้นที่ที่สารรั่วไหลทันที่อย่างน้อย 50 เมตร (150 ฟุต) ถ้าเป็นของเหลว และอย่างน้อย 25 เมตร(75 ฟุต) ถ้าเป็นของแข๊ง ทุกทิศทาง 3.กันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องออกห่างจากพื้นที่ 4.อยู่เหนือลม 5.ห้ามอยู่ในที่ต่ำ 6. ระบายอากาศพื้นที่อับอากาศก่อนเข้าระงับเหตุ |
กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง | 50 |
กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง กรณีสารมีสถานะเป็นของเหลว | 50 |
กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง กรณีสารมีสถานะเป็นของแข็ง | 25 |
ชุดป้องกัน
คำแนะนำ | 1.สวมใส่ชุดเครื่องช่วยหายใจส่วนบุคคลแบบมีถังอากาศ
2.สวมชุดป้องกันอันตรายจากสารเคมีตามข้อแนะนำของบริษัทผู้ผลิต ทั้งนี้ชุดป้องกันอันตรายจากสารเคมีไม่สามารถป้องกันอันตรายจากความร้อนสูง 3.ชุดดับเพลิงสามารถป้องกันอันตรายได้อย่างจำกัดเมื่อเกิดกรณีเพลิงไหม้สารแต่อาจไม่สามารถป้องกันอันตรายอย่างมีประสิทธิภาพกรณีที่เกิดเฉพาะการหกรั่วไหล |
ข้อควรระวัง | |
Type |
การอพยพ
การรั่วไหลขนาดเล็ก
กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) | 0 |
เขตป้องกันใต้ลม กลางวัน (เมตร) | 0 |
เขตป้องกันใต้ลม กลางคืน (เมตร) | 0 |
การรั่วไหลขนาดใหญ่
กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) | 0 |
เขตป้องกันใต้ลม กลางวัน (เมตร) | 0 |
เขตป้องกันใต้ลม กลางคืน (เมตร) | 0 |
กรณีเกิดการเพลิงไหม้
คำอธิบายการอพยพ ในกรณีที่เกิดการลุกไหม้ | 1.หากถังบรรจุขนาดใหญ่ ตู้รถไฟหรือรถบรรทุกสาร เกี่ยวข้องกับเพลิงไหม้ ให้กั้นแยกพื้นที่เกิดเหตุ 800 เมตร ( 1/2 ไมล์) และพิจารณาอพยพประชาชนเบื้องต้น 800 เมตร ( 1/2 ไมล์) ทุกทิศทาง |
กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) | 800 |
ระยะอพยพประชาชน ในกรณีที่เกิดเพลิงไหม้ หน่วยเป็นเมตร | 800 |
คำแนะนำ | 1.ส่วนใหญ่โฟมดับเพลิงจะทำปฏิกิริยากับสารและปล่อยก๊าซที่ีมีฤทธิ์กัดกร่อน/เป็นพิษ |
การดำเนินการเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
กรณีเกิดการเพลิงไหม้
ข้อควรระวัง หรือคำเตือน เ | 1.ส่วนใหญ่โฟมดับเพลิงจะทำปฏิกิริยากับสารและปล่อยก๊าซที่ีมีฤทธิ์กัดกร่อน/เป็นพิษ |
เพลิงไฟขนาดเล็ก | 1.ผงเคมีแห้ง ทรายแห้ง CO2 โฟมดับเพลิงชนิดมีขั้ว |
เพลิงไฟขนาดใหญ่ | 1.ฉีดน้ำเป็นฝอย หมอก หรือโฟมดับเพลิงชนิดมีขั้ว
2.สำหรับสาร Chlorosilanes ห้ามใช้น้ำ : ให้ใช้โฟมดับเพลิงชนิดมีขั้วอัตราขยายตัวปานกลาง 3.เคลื่อนย้ายภาชนะบรรรจุออกจากบริเวณเพลิงไหม้ หากทำได้โดยไม่เสี่ยงอันตราย 4.ฉีดน้ำเป็นฝอย หรือหมอก 5.ห้ามฉีดน้ำเป็นลำตรง |
เพลิงไหม้ หรือ เกิดอยู่ใกล้ ภาชนะบรรจุหรือรถขนส่ง | 1.อย่าฉีดน้ำเข้าไปในภาชนะบรรจุ
2. อยู่ห่างจากภาชนะบรรจุที่ไฟลุกท่วมตลอดเวลา 3. ฉีดน้ำดับเพลิงจากระยะไกลที่สุด หรือใช้หัวฉีดน้ำชนิดที่ไม่ต้องใช้คนควบคุมรหรือใช้แท่นฉีดน้ำแทน 4. ฉีดน้ำปริมาณมากหล่อเย็นภาชนะบรรจุ จนกว่าเพลิงจะสงบ 5. ถอนกำลังเจ้าหน้าที่ทันทีหากอุปกรณ์ระบายความดันนิรภัยของภาชนะบรรจุเกิดเสียงดังหรือภาชนะบรรจุเปลี่ยนสี |
เพลิงไหม้ หรือ เกิดอยู่ใกล้ ตู้สินค้า |
กรณีเกิดการหกรั่วไหล
วิธีการเข้าระงับเหตุ | 1..กำจัดแหล่งที่อาจทำให้เกิดการจุดไฟทั้งหมด (ห้ามสูบบุหรี่ จุดพลุ ทำให้เกิดประกายไฟหรือเปลวไฟบริเวณจุดเกิดเหตุ)
2. อุปกรณ์ที่ใชในการถ่ายเทหรือขนย้ายสารต้องต่อสายดิน 3. ระงับการรั่วไหลของสาร หากทำได้โดยไม่เสี่ยงอันตราย 4.ห้ามส้มผัสภาชนะบรรจุที่เสียหายหรือสารที่หกรั่วไหล หากไม่สวมใส่ชุดป้องกันส่วนบุคคลที่เหมาะสม 5.สำหรับสาร Chlorosilanes ให้ฉีดโฟมดับเพลิงชนิดมีขั้วแบบอัตราขยายตัวปานกลาง 6.ห้ามฉีดน้ำลงบนสารที่รั่วไหล หรือ ฉีดน้ำเข้าไปในภาชนะบรรจุ 7.ฉีดน้ำเป็นฝอยดักจับเพื่อลดหรือเปลี่ยนทิศทางไอระเหยสาร หลีกเลี่ยงไม่ให้น้ำที่ฉีดไหลไปสัมผัสกับสารที่รั่วไหล 8. ป้องกันมิให้สารไหลลงน้ำ ท่อระบายน้ำ ชั้นใต้ดิน หรือบริเวณอับอากาศ |
คำเตือนสำหรับการเข้าระงับเหตุเมื่อเกิดการหกรั่วไหล | |
หกรั่วไหลปริมาณเล็กน้อย | 1.ปิดทับด้วยดินแห้ง ทรายแห้ง หรือวัสดุอื่นที่ไม่ติดไฟ แล้วปิดคลุมด้วยแผ่นพลาสติกอีกชั้นหนึ่ง เพื่อลดการแพร่กระจายหรือการสัมผัสกับน้ำฝน
2.ใช้อุปกรณ์ที่สะอาดและไม่ก่อให้เกิดประกายไฟตักสารที่ถูกดูดซับใส่ภาชนะพลาสติก ปิดฝาหลวม ๆ เพื่อส่งกำจัด |
หกรั่วไหลปริมาณมาก |
การปฐมพยาบาล
คำแนะนำ | 1.นำผู้บาดเจ็บไปยังพื้นที่อากาศบริสุทธิ์
2. โทรแจ้ง 191 หรือหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ฉุกเฉิน 1669 3. ใช้เครื่องช่วยหายใจหากผู้บาดเจ็บหยุดหายใจ 4. ให้ออกซิเจนถ้าผู้บาดเจ็บหายใจลำบาก 5. ห้ามผายปอดด้วยวิธีการเผ่าปาก หากผู้บาดเจ็บกลืนหรือหายใจรับสารเคมีเข้าสู่ร่างกาย ให้ใช้เครื่องช่วยหายใจชนิดมีที่ครอบให้อากาศแบบวาล์วทางเดียว หรืออุปกรณ์ช่วยหายใจอื่นที่เหมาะสม 6. ถอดและแยกเก็บเสื้อผ้าและรองเท้าที่ปนเปื้อน 7. ถ้าสัมผัสกับสาร ให้ล้างผิวหนังและดวงตาโดยวิธีให้น้ำหลผ่านทันที อย่างน้อย 20 นาที 8. รักษาอุณหภูมิร่างกายผู้บาดเจ็บให้อบอุ่นและให้อยู่ในที่สงบ 9.หากผิวหนังสัมผัสกับสารเล็กน้อย ต้องหลีกเลี่ยงมิให้สารแพร่กระจายสัมผัสผิวหนังบริเวณอื่น ๆ 10. อาการบาดเจ็บจากการสัมผัสกับสาร(หายใจ กิน สัมผัส) อาจเกิดขึ้นช้า (ภายใน 48 ชั่วโมง) เหมาะสม 11. ต้องมั่นใจว่าหน่วยแพทย์ทราบชนิดและอันตรายของสารต่าง ๆ รวมทั้งมีการป้องกันตนเองอย่าง |
มาตรการกำจัดของเสีย
กลบสารที่หกด้วยทรายเปียก เก็บกวาดสารที่หกออกมาใส่ในภาชนะที่ปิดสนิทให้มากที่สุด แล้วนำไปทิ้งในที่ที่ปลอดภัย ห้ามฉีดน้ำใส่ของเหลวโดยตรง |
การทำปฏิกิริยา การระเบิด
ทำปฎิกิริยารุนแรงกับน้ำ แอลกอฮอล์ ผงโลหะ และสารอินทรีย์หลายชนิด |
ข้อมูลสารเคมีที่ทําปฏิกิริยากัน
ข้อมูลการเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศน์
ไม่ควรปล่อยลงสู่แหล่งน้ำ |