ช้อมูลทั่วไป
ชื่อภาษาไทย | อีเธนไทออล |
ชื่อภาษาอังกฤษ | Ethyl mercaptan |
ชื่อทางการค้า | |
ประเภทสารเคมี | 3.ของเหลวไวไฟ |
Cas no. | 75-08-1 |
UN Number | 2363 |
Formula | C2 H5 SH |
จุดเดือด | 35°C องศาเซลเซียส |
จุดหลอมละลาย | -144.4°C องศาเซลเซียส |
AEGL1 | 1 |
AEGL2 | 120 |
AEGL3 | 360 |
NFPA |
4
2
0
|
ความอันตราย
กลุ่มสารเคมี | ของเหลวไวไฟ (มีขั้ว/ละลายน้ำ/อันตรายร้ายแรง) |
Polimerization | ไม่เป็น Polimerization |
สารเคมีมีอันตรายสูงหากสูดดม (Toxic Inhalation Hazard:TIH) | ไม่เป็น |
ก๊าซพิษเมื่่อสารสัมผัสกับน้ำ | |
อัคคีภัยหรือการระเบิด | 1.ไวไฟสูงมาก : จุดติดไฟได้ง่ายด้วยความร้อน ประกายไฟ หรือเปลวไฟ
2.เมื่อผสมกับอากาศอาจเกิดส่วนผสมที่ระเบิดได้ 3.ไอระเหยของสารอาจลอยไปหาแหล่งความร้อนหรือประกายไฟ ติดไฟและเปลวไฟยอ้นกลับไปยังต้นกำเนิดอย่างรวดเร็ว 4.ก๊าซหลายชนิดจะหนักกว่าอากาศและจะแพร่กระจายไปตามพื้น สะสมตัวในที่ต่ำหรือที่อับอากาศ(ท่อระบายน้ำ ห้องใต้ดิน ถังเก็บ) 5.มีความเสี่ยงจากการระเบิดของไอระเหยสารทั้งภายใน และภายนอกอาคาร หรือในท่อระบายน้ำ 6.สารที่ชื่อมีสัญลักษณ์ตัว P อาจเกิดระเบิดเนื่องจากปฏิกิริยาโพลิเมอไรซ์เมื่อได้รับความร้อนหรืออยู่ใกล้เพลิงไหม้ 7.น้ำเสียหรือสารที่ไหลออกจากที่เกิดเหตุอาจก่อให้เกิดเพลิงไม้หรือเกิดการระเบิดได้ 8.ภาชนะบรรจุอาจระเบิดเมื่อได้รับความร้อน 9.ของเหลวส่วนใหญ่เบากว่าน้ำ |
ผลต่อสุขภาพ | 1.การสูดดมหรือสัมผัสกับสารอาจทำให้ผิวหนังและดวงตาระคายเคืองหรือเป็นแผลไหม้
2.หากสารเกิดลุกไหม้ อาจเกิดก๊าซที่มีฤทธิ์ระคายเคือง กัดกร่อน และ/หรือเป็นพิษ 3.ไอระเหยสาร อาจทำให้มึนงง หรือหายใจลำบาก 4.น้ำเสียจากการดับเพลิงอาจก่อมลพิษ |
การเข้าระงับเหตุเบื้องต้น
คำแนะนำเบื้องต้น | 1.โทรแจ้งหมายเลขฉุกเฉินที่ระบุในเอกสารกำกับขนส่ง หากไม่พบเอกสาร ฯ หรือ ไม่มีผู้รับสายให้โทรแจ้งหมายเลขที่เหมาะสมที่ระบุอยู่ด้านในปกหลังคู่มือ
2.กั้นแยกพื้นที่ที่สารรั่วไหลทันที่อย่างน้อย 50 เมตร(150 ฟุต) ทุกทิศทาง 3.กันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องออกห่างจากพื้นที่ 4.อยู่เหนือลม 5.ห้ามอยู่ในที่ต่ำ 6. ระบายอากาศพื้นที่อับอากาศก่อนเข้าระงับเหตุ |
กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง | 50 |
กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง กรณีสารมีสถานะเป็นของเหลว | 0 |
กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง กรณีสารมีสถานะเป็นของแข็ง | 0 |
ชุดป้องกัน
คำแนะนำ | 1.สวมใส่ชุดเครื่องช่วยหายใจส่วนบุคคลแบบมีถังอากาศ
2.ชุดดับเพลิงสามารถป้องกันอันตรายได้อย่างจำกัดเมื่อเกิดกรณีเพลิงไหม้สารแต่อาจไม่สามารถป้องกันอันตรายอย่างมีประสิทธิภาพกรณีที่เกิดเฉพาะการหกรั่วไหล |
ข้อควรระวัง | |
Type |
การอพยพ
การรั่วไหลขนาดเล็ก
กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) | 0 |
เขตป้องกันใต้ลม กลางวัน (เมตร) | 0 |
เขตป้องกันใต้ลม กลางคืน (เมตร) | 0 |
การรั่วไหลขนาดใหญ่
กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) | 0 |
เขตป้องกันใต้ลม กลางวัน (เมตร) | 0 |
เขตป้องกันใต้ลม กลางคืน (เมตร) | 0 |
กรณีเกิดการเพลิงไหม้
คำอธิบายการอพยพ ในกรณีที่เกิดการลุกไหม้ | 1.หากถังบรรจุขนาดใหญ่ ตู้รถไฟหรือรถบรรทุกสาร เกี่ยวข้องกับเพลิงไหม้ ให้กั้นแยกพื้นที่เกิดเหตุ 800 เมตร ( 1/2 ไมล์) และพิจารณาอพยพประชาชนเบื้องต้น 800 เมตร ( 1/2 ไมล์) ทุกทิศทาง |
กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) | 800 |
ระยะอพยพประชาชน ในกรณีที่เกิดเพลิงไหม้ หน่วยเป็นเมตร | 800 |
คำแนะนำ | คำเตือน :
1. สารเหล่านี้มีจุดวาบไฟต่ำมาก การดับเพลิงด้วยการฉีดน้ำเป็นฝอยอาจไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ |
การดำเนินการเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
กรณีเกิดการเพลิงไหม้
ข้อควรระวัง หรือคำเตือน เ | คำเตือน :
1. สารเหล่านี้มีจุดวาบไฟต่ำมาก การดับเพลิงด้วยการฉีดน้ำเป็นฝอยอาจไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ |
เพลิงไฟขนาดเล็ก | 1.ผงเคมีแห้ง CO2 น้ำฉีดเป็นฝอย หรือโฟมดับเพลิงชนิดมีขั้ว |
เพลิงไฟขนาดใหญ่ | 1.ฉีดน้ำเป็นฝอย หมอก หรือโฟมดับเพลิงชนิดมีขั้ว
2. เคลื่อนย้ายภาชนะบรรจุออกจากบริเวณเพลิงไหม้ หากทำได้โดยไม่เสี่ยงอันตราย |
เพลิงไหม้ หรือ เกิดอยู่ใกล้ ภาชนะบรรจุหรือรถขนส่ง | 1. ฉีดน้ำดับเพลิงจากระยะไกลที่สุด หรือใช้หัวฉีดน้ำชนิดที่ไม่ต้องใช้คนควบคุมรหือใช้แท่นฉิดน้ำแทน
2. ฉีดน้ำปริมาณมากหล่อเย็นภาชนะบรรจุ จนกว่าเพลิงจะสงบ 3. ถอนกำลังเจ้าหน้าที่ทันทีหากอุปกรณ์ระบายความดันนิรภัยของภาชนะบรรจุเกิดเสียงดังหรือภาชนะบรรจุเปลี่ยนสี 4. อยู่ห่างจากภาชนะบรรจุที่ไฟลุกท่วมตลอดเวลา 5. สำหรับเพลิงไหม้รุนแรงและใหญ่มาก ให้ใช้หัวฉีดชนิดที่ไม่ต้องใช้มือจับหรือใช้แท่นฉิดน้ำแทนหากไม่มีให้ถอนกำลังออกจากพื้นที่และปล่อยให้ไฟลุกไหม้จนดับไปเอง |
เพลิงไหม้ หรือ เกิดอยู่ใกล้ ตู้สินค้า |
กรณีเกิดการหกรั่วไหล
วิธีการเข้าระงับเหตุ | 1. กำจัดแหล่งที่อาจทำให้เกิดการจุดไฟทั้งหมด (ห้ามสูบบุหรี่ จุดพลุ ทำให้เกิดประกายไฟ หรือเปลวไฟบริเวณจุดเกิดเหตุ)
2. อุปกรณ์ที่ใชในการถ่ายเทหรือขนย้ายสารต้องต่อสายดิน 3. ห้ามสัมผัสหรือเดินย่ำผ่านบริเวณที่สาารหกรั่วไหล 4. ระงับการรั่วไหลของสาร หากทำได้โดยไม่เสี่ยงอันตราย 5.อาจใช้โฟมฉีดดักจับเพื่อลดไอระเหยสาร 6. ป้องกันมิให้สารไหลลงน้ำ ท่อระบายน้ำ ชั้นใต้ดิน หรือบริเวณอับอากาศ 7.ดูดซับหรือปิดทับสารด้วยดิน ทรายแห้ง หรือวัสดุอื่นที่ไม่ติดไฟ แล้วเก็บไส่ในภาชนะบรรจุ 8.ใช้อุปกรณ์ที่สะอาดและไม่ก่อให้เกิดประกายไฟเก็บรวบรวมสารที่ถูกดูดซับ |
คำเตือนสำหรับการเข้าระงับเหตุเมื่อเกิดการหกรั่วไหล | |
หกรั่วไหลปริมาณเล็กน้อย | |
หกรั่วไหลปริมาณมาก | 1.สร้างคั้นกั้นหรือขุดร่องกักของเหลวที่แพร่กระจายเพื่อส่งกำจัดต่อไป
2.การฉีกน้ำเป็นฝอยอาจลดไอระเหยได้ แต่อาจไม่สามารถป้องกันการจุดติดไฟในที่จำกัดได้ |
การปฐมพยาบาล
คำแนะนำ | 1.นำผู้บาดเจ็บไปยังพื้นที่อากาศบริสุทธิ์
2. โทรแจ้ง 191 หรือหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ฉุกเฉิน 1669 3. ใช้เครื่องช่วยหายใจหากผู้บาดเจ็บหยุดหายใจ 4. ให้ออกซิเจนถ้าผู้บาดเจ็บหายใจลำบาก 5. ถอดและแยกเก็บเสื้อผ้าและรองเท้าที่ปนเปื้อน 6. ถ้าสัมผัสกับสาร ให้ล้างผิวหนังและดวงตาโดยวิธีให้น้ำหลผ่านทันที อย่างน้อย 20 นาที 7.ล้างผิวด้วยสบู่และน้ำ 8. กรณีเกิดแผลไหม้ ทำให้ผิวหนังบริเวณดังกล่าวเย็นทันทีโดยแช่น้ำเย็นนานเท่าที่จะทำได้ 9.ห้ามถอดเสื้อผ้าที่แข็งติดกับผิวหนัง 10. รักษาอุณหภูมิร่างกายผู้บาดเจ็บให้อบอุ่นและให้อยู่ในที่สงบ 11. อาการบาดเจ็บจากการสัมผัสกับสาร(หายใจ กิน สัมผัส) อาจเกิดขึ้นช้า (ภายใน 48 ชั่วโมง) 12. ต้องมั่นใจว่าหน่วยแพทย์ทราบชนิดและอันตรายของสารต่าง ๆ รวมทั้งมีการป้องกันตนเองอย่างเหมาะสม |
มาตรการกำจัดของเสีย
เก็บกวาดสารท ี่หกออกมาใส่ใน ภาชนะที่ปิดสนิท ห้ามล้างลงท่อระบายน้ํา |
การทำปฏิกิริยา การระเบิด
สารนี้มีฤทธ ิ์เป็นกรดอ่อน ทําปฏิกิริยากับสารออกซิไดซ์ทําให้เกิดอันตรายจากไฟไหม้และการระเบิด ทําปฏิกิริยากับกรดแก่ทําให้เกิดก๊าซพิษ ไฮโดรเจนซัลไฟด์และซัลเฟอร์ออกไซด์ |
ข้อมูลสารเคมีที่ทําปฏิกิริยากัน
ข้อมูลการเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศน์
ห้ามทิ้งลงสู่ระบบสุขาภิบาล ดิน หรือสิ่งแวดล้อม |
มาตรการป้องกัน
เก็บในที่ป็องกันไฟได้เก็บแยกจากสารออกซิไดซ์อย่างแรง กรดแก่ |