ช้อมูลทั่วไป

ชื่อภาษาไทย เมทธิลไอโซไซยาเนต
ชื่อภาษาอังกฤษ Methyl isocyanate
ชื่อทางการค้า
ประเภทสารเคมี 6.1 สารพิษ
Cas no. 624-83-9
UN Number 2480
Formula CH3 NCO
จุดเดือด 39 ํC องศาเซลเซียส
จุดหลอมละลาย - 80 ํC องศาเซลเซียส
AEGL1 0.025
AEGL2 0.067
AEGL3 0.2
NFPA
3 4 2 W

ความอันตราย

กลุ่มสารเคมี สาร-เป็นพิษ และ/หรือ กัดกร่อน(ไวไฟ/ทำปฏิกิริยากับน้ำ)
Polimerization ไม่เป็น Polimerization
สารเคมีมีอันตรายสูงหากสูดดม (Toxic Inhalation Hazard:TIH) เป็น
ก๊าซพิษเมื่่อสารสัมผัสกับน้ำ
อัคคีภัยหรือการระเบิด 1.ไวไฟสูง : อาจลุกติดไฟเมื่อได้รับความร้อน ประกายไฟ หรือเปลวไฟ
2.ไอระเหยสารอาจผสมกับอากาศอาจเกิดส่วนปสมที่ระเบิดได้ ทั้งภายในและภายนอกอาคารและท่อน้ำเสีย
3.ภาชนะบรรจุอาจระเบิดเมื่อได้รับความร้อน หรือสัมผัสกับน้ำ
4.ก๊าซหลายชนิดจะหนักกว่าอากาศและจะแพร่กระจายไปตามพื้น สะสมตัวในที่ต่ำหรือที่อับอากาศ(ท่อระบายน้ำ ห้องใต้ดิน ถังเก็บ)
5.ไอระเหยของสารอาจลอยไปหาแหล่งความร้อนหรือประกายไฟ ติดไฟและเปลวไฟย้อนกลับไปยังต้นกำเนิดอย่างรวดเร็ว
6.หากสารสัมผัสกับโลหะอาจเกิดก๊าซไฮโดรเจนซึ่งไวไฟ
7.สารที่ชื่อมีสัญลักษณ์ตัว P อาจเกิดระเบิดเนื่องจากปฏิกิริยาโพลิเมอไรซ์เมื่อได้รับความร้อนหรืออยู่ใกล้เพลิงไหม้
8.สารจะทำปฏิกิริยากับน้ำ (บางชนิดเกิดปฏิกิริรยาอย่างรุนแรง) เกิดก๊าซและน้ำเสียที่มีฤทธิ์กัดกร่อน และหรือเป็นพิษ
ผลต่อสุขภาพ 1.เป็นพิษ : การสูดดม กินหรือสัมผัส (ผิวหนัง ดวงตา) กับไอระเหย ฝุ่นหรือตัวสารอาจเกิดบาดเจ็บรุนแรงและแผลไหม้หรือเสียชีวิต
2.การทำปฏิกิริยากับน้ำหรืออากาศที่มีความชื้นสูงจะเกิดก๊าซที่เป็นพิษ กัดกร่อน หรือไวไฟ
3.การทำปฏิกิริยากับน้ำอาจเกิดความร้อนสูง ทำให้ความเข้มข้นของไอสารในอากาศสูงขึ้น
4.หากสารเกิดลุกไหม้ อาจเกิดก๊าซที่มีฤทธิ์ระคายเคือง กัดกร่อน และ/หรือเป็นพิษ
5.สาร Bromoacetates และ Chloroacetates ทำให้ระคายเคืองอย่างรุนแรง/น้ำตาไฟล
6.น้ำเสียจากการดับเพลิงหรือที่ใช้เจือจางสาร อาจก่อมลพิษ

การเข้าระงับเหตุเบื้องต้น

คำแนะนำเบื้องต้น 1.โทรแจ้งหมายเลขฉุกเฉินที่ระบุในเอกสารกำกับขนส่ง หากไม่พบเอกสาร ฯ หรือ ไม่มีผู้รับสายให้โทรแจ้งหมายเลขที่เหมาะสมที่ระบุอยู่ด้านในปกหลังคู่มือ
2.กั้นแยกพื้นที่ที่สารรั่วไหลทันทีทุกทิศทางอย่างน้อย 50 เมตร (150 ฟุต) ถ้าเป็นของเหลว และอย่างน้อย 25 เมตร (75 ฟุต) ถ้าเป็นของแข็ง
3.กันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องออกห่างจากพื้นที่
4.อยู่เหนือลม
5.ห้ามอยู่ในที่ต่ำ
6. ระบายอากาศพื้นที่อับอากาศก่อนเข้าระงับเหตุ
กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง 50
กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง กรณีสารมีสถานะเป็นของเหลว 50
กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง กรณีสารมีสถานะเป็นของแข็ง 25

ชุดป้องกัน

คำแนะนำ 1.สวมใส่ชุดเครื่องช่วยหายใจส่วนบุคคลแบบมีถังอากาศ
2.สวมชุดป้องกันอันตรายจากสารเคมีตามข้อแนะนำของบริษัทผู้ผลิต ทั้งนี้ชุดป้องกันอันตรายจากสารเคมีไม่สามารถป้องกันอันตรายจากความร้อนสูง
3.ชุดดับเพลิงสามารถป้องกันอันตรายได้อย่างจำกัดเมื่อเกิดกรณีเพลิงไหม้สารแต่อาจไม่สามารถป้องกันอันตรายอย่างมีประสิทธิภาพกรณีที่เกิดเฉพาะการหกรั่วไหล
ข้อควรระวัง
Type

การอพยพ

การรั่วไหลขนาดเล็ก

กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) 0
เขตป้องกันใต้ลม กลางวัน (เมตร) 0
เขตป้องกันใต้ลม กลางคืน (เมตร) 0

การรั่วไหลขนาดใหญ่

กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) 0
เขตป้องกันใต้ลม กลางวัน (เมตร) 0
เขตป้องกันใต้ลม กลางคืน (เมตร) 0

กรณีเกิดการเพลิงไหม้

คำอธิบายการอพยพ ในกรณีที่เกิดการลุกไหม้ 1.หากถังบรรจุขนาดใหญ่ ตู้รถไฟหรือรถบรรทุกสาร เกี่ยวข้องกับเพลิงไหม้ ให้กั้นแยกพื้นที่เกิดเหตุ 800 เมตร ( 1/2 ไมล์) และพิจารณาอพยพประชาชนเบื้องต้น 800 เมตร ( 1/2 ไมล์) ทุกทิศทาง
กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) 800
ระยะอพยพประชาชน ในกรณีที่เกิดเพลิงไหม้ หน่วยเป็นเมตร 800
คำแนะนำ ส่วนใหญ่โฟมดับเพลิงจะทำปฏิกิริยากับสารและปล่อยก๊าซที่มีฤทธิ์กัดกร่อน/เป็นพิษ
คำเตือน :
สำหรับสาร Acetyl chloride (UN1717) ให้ใช้ CO2 หรือผงเคมีแห้งเท่านั้น

การดำเนินการเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

กรณีเกิดการเพลิงไหม้

ข้อควรระวัง หรือคำเตือน เ ส่วนใหญ่โฟมดับเพลิงจะทำปฏิกิริยากับสารและปล่อยก๊าซที่มีฤทธิ์กัดกร่อน/เป็นพิษ
คำเตือน :
สำหรับสาร Acetyl chloride (UN1717) ให้ใช้ CO2 หรือผงเคมีแห้งเท่านั้น
เพลิงไฟขนาดเล็ก 1.CO2 ผงเคมีแห้ง ทรายแห้ง โฟมดับเพลิงชนิดมีขั้ว
เพลิงไฟขนาดใหญ่ 1.ฉีดน้ำเป็นฝอย หมอก หรือโฟมดับเพลิงชนิดมีขั้ว
2.สำหรับสารคลอโรซิเลน (Chlorosilanes) ห้ามใช้น้ำ ให้ใช้โฟมดับเพลิงชนิดมีขั้วแบบขยายตัวปานกลาง
3. เคลื่อนย้ายภาชนะบรรจุออกจากบริเวณเพลิงไหม้ หากทำได้โดยไม่เสี่ยงอันตราย
4.ฉีดน้ำเป็นฝอย หมอก
5.ห้ามใช้น้ำฉีดเป็นลำตรง
เพลิงไหม้ หรือ เกิดอยู่ใกล้ ภาชนะบรรจุหรือรถขนส่ง 1. อยู่ห่างจากภาชนะบรรจุที่ไฟลุกท่วมตลอดเวลา
2.อย่างฉีดน้ำเข้าไปในภาชนะบรรจุ
3. ฉีดน้ำดับเพลิงจากระยะไกลที่สุด หรือใช้หัวฉีดน้ำชนิดที่ไม่ต้องใช้คนควบคุมหรือใช้แท่นฉีดน้ำแทน
4. ถอนกำลังเจ้าหน้าที่ทันทีหากอุปกรณ์ระบายความดันนิรภัยของภาชนะบรรจุเกิดเสียงดังหรือภาชนะบรรจุเปลี่ยนสี
5. ฉีดน้ำปริมาณมากหล่อเย็นภาชนะบรรจุ จนกว่าเพลิงจะสงบ
เพลิงไหม้ หรือ เกิดอยู่ใกล้ ตู้สินค้า

กรณีเกิดการหกรั่วไหล

วิธีการเข้าระงับเหตุ 1. กำจัดแหล่งที่อาจทำให้เกิดการจุดไฟทั้งหมด (ห้ามสูบบุหรี่ จุดพลุ ทำให้เกิดประกายไฟ หรือเปลวไฟบริเวณจุดเกิดเหตุ)
2. อุปกรณ์ที่ใชในการถ่ายเทหรือขนย้ายสารต้องต่อสายดิน
3.ห้ามฉีดน้ำลงบนสารที่รั่วไหลหรือฉีดเข้าไปในภาชนะบรรจุ
4.ห้ามสัมผัสภาชนะบรรจุที่เสียหายหรือสารที่หกรั่วไหล หากไม่สามใส่ชุดป้องกันส่วนบุคคลที่เหมาะสม
5. ระงับการรั่วไหลของสาร หากทำได้โดยไม่เสี่ยงอันตราย
6.อาจใช้โฟมฉีดดักจับเพื่อลดไอระเหยสาร
7.สำหรับสารคลอโรซิเลน (Chlorosilanes) ให้ใช้โฟมดับเพลิงชนิดมีขั้ว อัตราการขยายตัวปานกลาง
8.ฉีดน้ำเป็นฝอยดักจับเพื่อลดหรือเปลี่ยนทิศทางไอระเหยสาร หลักเลี่ยงไมให้น้ำที่ฉีดไหลไปสัมผัสกับสารที่หกรั่วไหว
9. ป้องกันมิให้สารไหลลงน้ำ ท่อระบายน้ำ ชั้นใต้ดิน หรือบริเวณอับอากาศ
คำเตือนสำหรับการเข้าระงับเหตุเมื่อเกิดการหกรั่วไหล
หกรั่วไหลปริมาณเล็กน้อย
หกรั่วไหลปริมาณมาก 1.ปิดทับด้วยดินแห้ง ทรายแห้ง หรือวัสดุอื่น ๆ ที่ไม่ติดไป แล้วปิดทับด้วยแผ่นพลาสติกอีกชั้นหนึ่ง เพื่อลดการแพร่กระจายหรือการสัมผัสกับน้ำฝน
2.ใช้อุปกรณ์สะอาดและไม่ก่อให้เกิดประกายไฟดักสารที่ถูกดูดซับใส่ภาชนะพลาสติก ปิดฝาหลวม ๆ เพื่อส่งกำจัด

การปฐมพยาบาล

คำแนะนำ 1.นำผู้บาดเจ็บไปยังพื้นที่อากาศบริสุทธิ์
2. โทรแจ้ง 191 หรือหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ฉุกเฉิน 1669
3. ใช้เครื่องช่วยหายใจหากผู้บาดเจ็บหยุดหายใจ
4. ให้ออกซิเจนถ้าผู้บาดเจ็บหายใจลำบาก
5. ห้ามผายปอดด้วยวิธีการเป่าปาก หากผู้บาดเจ็บกลือนหรือหายใจรับสารเคมีเข้าสู่ร่างกายให้ใช้เครื่องช่วยหายใจชนิดมีที่ครอบให้อากาศแบบวาล์วทางเดียว หรืออุปกรณ์ช่วยหายใจอื่นที่เหมาะสม
5. ถอดและแยกเก็บเสื้อผ้าและรองเท้าที่ปนเปื้อน
6. รักษาอุณหภูมิร่างกายผู้บาดเจ็บให้อบอุ่นและให้อยู่ในที่สงบ
7. ถ้าสัมผัสกับสาร ให้ล้างผิวหนังและดวงตาโดยวิธีให้น้ำหลผ่านทันที อย่างน้อย 20 นาที
8.หากผิวหนังสัมผัสกับสารเล็กน้อย ต้องหลีกเลี่ยงมิให้สารแพร่กระจายสัมผัสผิวหนังบริเวณอื่น ๆ
9.หากผิวหนังสัมผัสกับสารเล็กน้อย ต้องหลีกเลี่ยงมิให้สารแพร่กระจายสัมผัสผิวหนังบริเวณอื่น ๆ
10. ต้องมั่นใจว่าหน่วยแพทย์ทราบชนิดและอันตรายของสารต่าง ๆ รวมทั้งมีการป้องกันตนเองอย่างเหมาะสม

มาตรการกำจัดของเสีย

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ใช้เครื่องดูด ระบายอากาศเคลื่อนย้ายแหล่งที่ติดไฟได้ทั้งหมด เก็บหรือตักสารที่เป็นของเหลวที่หกออกมาในภาชนะที่ปิดสนิท ทําให้ของเหลวที่หกออกมาเป็นกลางด้วยคอสติกโซดา ใช้ทรายหรือสารดูดซับเฉื่อย (inert absorbent) โรยที่ของเหลวที่เหลือแล้วนําไปทิ้งในที่ปลอดภัย

การทำปฏิกิริยา การระเบิด

ทําปฏิกิริยาอย่างรุนแรงกับสารที่ใช้ดับเพลิง เช่น น้ํา และสารที่มีน้ําเป็นส่วนประกอบ

ข้อมูลสารเคมีที่ทําปฏิกิริยากัน

ข้อมูลการเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศน์

เป็นสารที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อสิ่งมีชีวิตในน้ํา

มาตรการป้องกัน

เก็บในที่ป้องกันไฟได้

ข้อมูลเพิ่มเติม

Version: 1.0.190 BETA