ช้อมูลทั่วไป

ชื่อภาษาไทย โปรแทสเซียมฟอสเฟต
ชื่อภาษาอังกฤษ Potassium phosphate
ชื่อทางการค้า
ประเภทสารเคมี ไม่ระบุ
Cas no. 7778-53-2
UN Number 2012
Formula K3PO4
จุดเดือด 0 องศาเซลเซียส
จุดหลอมละลาย 0 องศาเซลเซียส
AEGL1 -
AEGL2 -
AEGL3 -
NFPA
0 1 0

ความอันตราย

กลุ่มสารเคมี สารทำปฏิกิริยากับน้ำ - เกิดก๊าซไวไฟและเป็นพิษ
Polimerization ไม่เป็น Polimerization
สารเคมีมีอันตรายสูงหากสูดดม (Toxic Inhalation Hazard:TIH) เป็น
ก๊าซพิษเมื่่อสารสัมผัสกับน้ำ Potassium phosphide (PH3)
อัคคีภัยหรือการระเบิด 1.เกิดก๊าซไวไฟและเป็นพิษเมื่อสัมผัสกับน้ำ
2.อาจลุกติดไฟเมื่อสัมผัสกับน้ำหรืออากาศที่มีความชื้นสูง
3.สารบางชนิดอาจทำปฏิกิริยารุนแรงหรือระเบิดได้ หากสัมผัสน้ำ
4.อาจจุดติดไฟด้วยความร้อน ประกายไฟ หรือเปลวไฟ
5.อาจลุกติดไฟซ้ำอีก หลังจากดับไฟได้แล้ว
6.สารบางชนิดถูกขนส่งในสภาวะของเหลวไวไฟสูง
7.น้ำเสียจากจุดเกิดเหตุอาจเกิดเพลิงไหม้หรือระเบิด
8.ภาชนะบรรจุอาจระเบิดเมื่อได้รับความร้อน
ผลต่อสุขภาพ 1.เป็นพิษ : เมื่อสารสัมผัสกับน้ำจะเกิดก๊าซ อาจเสียชีวิตหากสูดดม
2.การสูดดมหรือสัมผัสกับไอระเหย ตัวสาร หรือก๊าซที่เกิดจากการสลายตัวของสารอาจเกิดอาการบาดเจ็บรุนแรงหรือเสียชีวิต
3.หากสารเกิดลุกไหม้ อาจเกิดก๊าซที่มีฤทธิ์ระคายเคือง กัดกร่อน และ/หรือเป็นพิษ
4.หากสารสัมผัสกับน้ำ อาจเกิดเป็นสารละบายที่มีฤทธิ์กัดกร่อน
5.น้ำเสียจากการดับเพลิงอาจก่อมลพิษ

การเข้าระงับเหตุเบื้องต้น

คำแนะนำเบื้องต้น 1.โทรแจ้งหมายเลขฉุกเฉินที่ระบุในเอกสารกำกับขนส่ง หากไม่พบเอกสาร ฯ หรือ ไม่มีผู้รับสายให้โทรแจ้งหมายเลขที่เหมาะสมที่ระบุอยู่ด้านในปกหลังคู่มือ
2.เพื่อเป็นมาตรการป้องกันเหตุฉุกเฉินเบื้องต้น กั้นแยกพื้นที่ที่สารรั่วไหลทันทีทุกทิศทางอย่างน้อย 50 เมตร (150 ฟุต) ถ้าเป็นของเหลว และอย่างน้อย 25 เมตร (75 ฟุต) ถ้าเป็นของแข็ง
3.กันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องออกห่างจากพื้นที่
4.อยู่เหนือลม
5.ห้ามอยู่ในที่ต่ำ
6. ระบายอากาศพื้นที่อับอากาศก่อนเข้าระงับเหตุ
กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง 50
กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง กรณีสารมีสถานะเป็นของเหลว 50
กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง กรณีสารมีสถานะเป็นของแข็ง 25

ชุดป้องกัน

คำแนะนำ 1.สวมใส่ชุดเครื่องช่วยหายใจส่วนบุคคลแบบมีถังอากาศ
2.สวมชุดป้องกันอันตรายจากสารเคมีตามข้อแนะนำของบริษัทผู้ผลิต ทั้งนี้ชุดป้องกันอันตรายจากสารเคมีไม่สามารถป้องกันอันตรายจากความร้อนสูง
3.ชุดดับเพลิงสามารถป้องกันอันตรายได้อย่างจำกัดเมื่อเกิดกรณีเพลิงไหม้สารแต่อาจไม่สามารถป้องกันอันตรายอย่างมีประสิทธิภาพกรณีที่เกิดเฉพาะการหกรั่วไหล
ข้อควรระวัง
Type

การอพยพ

การรั่วไหลขนาดเล็ก

กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) 30
เขตป้องกันใต้ลม กลางวัน (เมตร) 100
เขตป้องกันใต้ลม กลางคืน (เมตร) 600

การรั่วไหลขนาดใหญ่

กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) 300
เขตป้องกันใต้ลม กลางวัน (เมตร) 1200
เขตป้องกันใต้ลม กลางคืน (เมตร) 400

กรณีเกิดการเพลิงไหม้

คำอธิบายการอพยพ ในกรณีที่เกิดการลุกไหม้ 1.หากถังบรรจุขนาดใหญ่ ตู้รถไฟหรือรถบรรทุกสาร เกี่ยวข้องกับเพลิงไหม้ ให้กั้นแยกพื้นที่เกิดเหตุ 800 เมตร ( 1/2 ไมล์) และพิจารณาอพยพประชาชนเบื้องต้น 800 เมตร ( 1/2 ไมล์) ทุกทิศทาง
กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) 800
ระยะอพยพประชาชน ในกรณีที่เกิดเพลิงไหม้ หน่วยเป็นเมตร 800
คำแนะนำ 1.ห้ามใช้น้ำหรือโฟมดับเพลิง (อาจใช้โฟมดับเพลิงสำหรับสาร Chlorosilanes)
2.สำหรับสารคลอโรซิเลน (Chlorosilanes) ห้ามใช้น้ำ แต่ให้ใช้โฟมดับเพลิงชนิดมีขั้วแบบขยายตัวปาน (AFF-AR medium expansion foarm) ห้ามใช้ผงเคมีแห้ง โซดาแอซหรือปูนขาวดับเพลิงทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เพราะอาจเกิดก๊าซไฮโดรเจนปริมาณมากจนระเบิดได้

การดำเนินการเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

กรณีเกิดการเพลิงไหม้

ข้อควรระวัง หรือคำเตือน เ 1.ห้ามใช้น้ำหรือโฟมดับเพลิง (อาจใช้โฟมดับเพลิงสำหรับสาร Chlorosilanes)
2.สำหรับสารคลอโรซิเลน (Chlorosilanes) ห้ามใช้น้ำ แต่ให้ใช้โฟมดับเพลิงชนิดมีขั้วแบบขยายตัวปาน (AFF-AR medium expansion foarm) ห้ามใช้ผงเคมีแห้ง โซดาแอซหรือปูนขาวดับเพลิงทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เพราะอาจเกิดก๊าซไฮโดรเจนปริมาณมากจนระเบิดได้
เพลิงไฟขนาดเล็ก 1.ผงเคมีแห้ง โซดาแอซ ปูนขาว หรือทราย
เพลิงไฟขนาดใหญ่ 1.ทรายแห้ง ผงเคมีแห้ง โซดาแอช หรือปูนขาว หรือถอนกำลังออกจากพื้นที่แล้วปล่อยให้สารลุกไหม้จนหมด
2.สำหรับสารคลอโรซิเลน (Chlorosilanes) ห้ามใช้น้ำ แต่ให้ใช้โฟมดับเพลิงชนิดมีขั้วแบบขยายตัวปาน (AFF-AR medium expansion foarm) ห้ามใช้ผงเคมีแห้ง โซดาแอซหรือปูนขาวดับเพลิงทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เพราะอาจเกิดก๊าซไฮโดรเจนปริมาณมากจนระเบิดได้
3.เคลื่อนย้ายภาชนะบรรรจุออกจากบริเวณเพลิงไหม้ หากทำได้โดยไม่เสี่ยงอันตราย
เพลิงไหม้ หรือ เกิดอยู่ใกล้ ภาชนะบรรจุหรือรถขนส่ง 1. ฉีดน้ำปริมาณมากหล่อเย็นภาชนะบรรจุ จนกว่าเพลิงจะสงบ
2.ห้ามฉีดน้ำเข้าไปในภาชนะบรรจุ
3. สำหรับเพลิงไหม้รุนแรงและใหญ่มาก ให้ใช้หัวฉีดชนิดที่ไม่ต้องใช้มือจับหรือใช้แท่นฉิดน้ำแทนหากไม่มีให้ถอนกำลังออกจากพื้นที่และปล่อยให้ไฟลุกไหม้จนดับไปเอง
4. ถอนกำลังเจ้าหน้าที่ทันทีหากอุปกรณ์ระบายความดันนิรภัยของภาชนะบรรจุเกิดเสียงดังหรือภาชนะบรรจุเปลี่ยนสี
5. อยู่ห่างจากภาชนะบรรจุที่ไฟลุกท่วมตลอดเวลา
เพลิงไหม้ หรือ เกิดอยู่ใกล้ ตู้สินค้า

กรณีเกิดการหกรั่วไหล

วิธีการเข้าระงับเหตุ 1.สวมชุดป้องกันไอระเหยสารแบบคลุมทั้งตัว หากต้องปฏิบัติหน้าที่ในบริเวณที่มีการรั่วไหล แต่ไม่มีเพลิงไหม้
2..กำจัดแหล่งที่อาจทำให้เกิดการจุดไฟทั้งหมด (ห้ามสูบบุหรี่ จุดพลุ ทำให้เกิดประกายไฟหรือเปลวไฟบริเวณจุดเกิดเหตุ)
3. ห้ามสัมผัสหรือเดินย่ำผ่านบริเวณที่สาารหกรั่วไหล
3 ระงับการรั่วไหลของสาร หากทำได้โดยไม่เสี่ยงอันตราย
4.ฉีดน้ำเป็นฝอยดักจับไอระเหยสาร แต่ห้ามฉีดน้ำใส่จุดที่รั่ว บริเวณที่สารแพร่กระจาย หรือภายในภาชนะบรรจุ
5.ห้ามฉีดน้ำลงบนสารที่รั่วไหล หรือ ฉีดน้ำเข้าไปในภาชนะบรรจุ
6.สำหรับสาร Chlorosilanes ให้ฉีดโฟมดับเพลิงชนิดมีขั้วแบบอัตราขยายตัวปานกลางเพื่อลดไอระเหยสาร
สารที่เป็นผงหกรั่วไหล
1.ปิดทับผงที่หกรั่วไหลด้วยแผน่พลาสติกหรือผ้าใช้เพื่อลดการแพร่กระจาย และรัษาสภาพสารให้แห้ง
2.ห้ามทำความสะอาดพื้นที่เกิดเหตุหรือกำจัดสาร เว้นแต่ดำเนินการภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวขาญ
คำเตือนสำหรับการเข้าระงับเหตุเมื่อเกิดการหกรั่วไหล
หกรั่วไหลปริมาณเล็กน้อย 1.ปิดทับด้วยดินแห้ง ทรายแห้ง หรือวัสดุอื่นที่ไม่ติดไฟ แล้วปิดคลุมด้วยแผ่นพลาสติกอีกชั้นหนึ่ง เพื่อลดการแพร่กระจายหรือการสัมผัสกับน้ำฝน
2.สร้างคั้นกั้นหรือขุดร่องกักของเหลวที่แพร่กระจายเพื่อส่งกำจัดต่อไป ห้ามใช้น้ำยกเว้นมีคำสั่งให้ดำเนินการ
หกรั่วไหลปริมาณมาก

การปฐมพยาบาล

คำแนะนำ 1.นำผู้บาดเจ็บไปยังพื้นที่อากาศบริสุทธิ์
2. โทรแจ้ง 191 หรือหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ฉุกเฉิน 1669
3. ห้ามผายปอดด้วยวิธีการเผ่าปาก หากผู้บาดเจ็บกลืนหรือหายใจรับสารเคมีเข้าสู่ร่างกาย ให้ใช้เครื่องช่วยหายใจชนิดมีที่ครอบให้อากาศแบบวาล์วทางเดียว หรืออุปกรณ์ช่วยหายใจอื่นที่เหมาะสม
4. ใช้เครื่องช่วยหายใจหากผู้บาดเจ็บหยุดหายใจ
5. ให้ออกซิเจนถ้าผู้บาดเจ็บหายใจลำบาก
6. ถอดและแยกเก็บเสื้อผ้าและรองเท้าที่ปนเปื้อน
7 ถ้าสัมผัสกับสาร ให้ล้างผิวหนังและดวงตาโดยวิธีให้น้ำหลผ่านทันที อย่างน้อย 20 นาที
8. รักษาอุณหภูมิร่างกายผู้บาดเจ็บให้อบอุ่นและให้อยู่ในที่สงบ
9. ต้องมั่นใจว่าหน่วยแพทย์ทราบชนิดและอันตรายของสารต่าง ๆ รวมทั้งมีการป้องกันตนเองอย่างเหมาะสม

มาตรการกำจัดของเสีย

การทำปฏิกิริยา การระเบิด

ข้อมูลสารเคมีที่ทําปฏิกิริยากัน

ข้อมูลการเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศน์

มาตรการป้องกัน

ข้อมูลเพิ่มเติม

Version: 1.0.190 BETA