ช้อมูลทั่วไป

ชื่อภาษาไทย ฟอสฟอรัสไตรคลอไรด์
ชื่อภาษาอังกฤษ Phosphorus trichloride
ชื่อทางการค้า
ประเภทสารเคมี 6.1 สารพิษ
Cas no. 7719-12-2
UN Number 1809
Formula PCl3
จุดเดือด 76 ํC องศาเซลเซียส
จุดหลอมละลาย -112 ํC องศาเซลเซียส
AEGL1 0.34
AEGL2 2
AEGL3 5.6
NFPA
0 3 2 W

ความอันตราย

กลุ่มสารเคมี สารทำปฏิกิริยากับน้ำ - กัดกร่อน
Polimerization ไม่เป็น Polimerization
สารเคมีมีอันตรายสูงหากสูดดม (Toxic Inhalation Hazard:TIH) เป็น
ก๊าซพิษเมื่่อสารสัมผัสกับน้ำ
อัคคีภัยหรือการระเบิด 1.กัดกร่อน และ/หรือเป็นพิษ : การสูดดม กิน หรือสัมผัส (ผิวหนัง ดวงตา) กับไอระเหย ฝุ่น หรือสารอาจเกิดการบาดเจ็บและแผลไหม้รุนแรง หรือเสียชีวิต
2.หากสารเกิดลุกไหม้ อาจเกิดก๊าซที่มีฤทธิ์ระคายเคือง กัดกร่อน และ/หรือเป็นพิษ
3.เมื่อสารทำปฏิกิริยากับน้ำจะเกิดความร้อนสูง ทำให้ความเข้มข้นของไอสารในอากาศสูงขึ้น
4.การสัมผัสกับสารในสภาวะหลอมเหลวอาจทำให้ผิวหนังและดวงตาเป็นแผลไหม้รุนแรง
5.น้ำเสียจากการดับเพลิงหรือน้ำที่ใช้เพื่อการเจือจางสารอาจก่อมลพิษ
ผลต่อสุขภาพ 1.ยกเว้น สาร Acetic Anhydride (UN1715) ซึ่งไวไฟ สารเหล่านี้อาจลุกไหม้ได้แต่ไม่มีสารใดที่ลุกติดไฟทันที
2.เมื่อสัมผัสกับโลหะอาจค่อย ๆ เปลี่ยก๊าซไฮโดรเจนซึ่งไวไฟ
3.อาจทำให้วัสดุที่ลุกติดไฟได้ เช่น ไม้ กระดาษ น้ำมัน ผ้า ฯ ลุกได้ไฟ
4.สารจะทำปฏิกิริยากับน้ำ (บางชนิดเกิดปฏิกิริยาอย่างรุนแรง) เกิดก๊าซและน้ำเสียที่มีฤทธิ์กัดกร่อนและ/หรือเป็นพิษ
5.ก๊าซไวไฟ/เป็นพิษ อาจสะสมอยู่ในที่อัพอากาศ เช่น ชั้นใต้ดิน ถังเก็บ รถขนถ่าย/รถขนส่ง ฯ
6.ภาชนะบรรจุอาจระเบิดได้เมื่อได้รับความร้อน
7.สารอาจถูกขนส่งในสภาวะหลอมเหลว

การเข้าระงับเหตุเบื้องต้น

คำแนะนำเบื้องต้น 1.โทรแจ้งหมายเลขฉุกเฉินที่ระบุในเอกสารกำกับขนส่ง หากไม่พบเอกสาร ฯ หรือ ไม่มีผู้รับสายให้โทรแจ้งหมายเลขที่เหมาะสมที่ระบุอยู่ด้านในปกหลังคู่มือ
2.กั้นแยกพื้นที่ที่สารรั่วไหลทันที่อย่างน้อย 50 เมตร (150 ฟุต) ถ้าเป็นของเหลว และอย่างน้อย 25 เมตร(75 ฟุต) ถ้าเป็นของแข๊ง ทุกทิศทาง
3.กันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องออกห่างจากพื้นที่
4.อยู่เหนือลม
5.ห้ามอยู่ในที่ต่ำ
6. ระบายอากาศพื้นที่อับอากาศก่อนเข้าระงับเหตุ
กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง 50
กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง กรณีสารมีสถานะเป็นของเหลว 50
กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง กรณีสารมีสถานะเป็นของแข็ง 25

ชุดป้องกัน

คำแนะนำ 1.สวมใส่ชุดเครื่องช่วยหายใจส่วนบุคคลแบบมีถังอากาศ
2.สวมชุดป้องกันอันตรายจากสารเคมีตามข้อแนะนำของบริษัทผู้ผลิต ทั้งนี้ชุดป้องกันอันตรายจากสารเคมีไม่สามารถป้องกันอันตรายจากความร้อนสูง
3.ชุดดับเพลิงสามารถป้องกันอันตรายได้อย่างจำกัดเมื่อเกิดกรณีเพลิงไหม้สารแต่อาจไม่สามารถป้องกันอันตรายอย่างมีประสิทธิภาพกรณีที่เกิดเฉพาะการหกรั่วไหล
ข้อควรระวัง
Type

การอพยพ

การรั่วไหลขนาดเล็ก

กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) 0
เขตป้องกันใต้ลม กลางวัน (เมตร) 0
เขตป้องกันใต้ลม กลางคืน (เมตร) 0

การรั่วไหลขนาดใหญ่

กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) 0
เขตป้องกันใต้ลม กลางวัน (เมตร) 0
เขตป้องกันใต้ลม กลางคืน (เมตร) 0

กรณีเกิดการเพลิงไหม้

คำอธิบายการอพยพ ในกรณีที่เกิดการลุกไหม้ 1.หากถังบรรจุขนาดใหญ่ ตู้รถไฟหรือรถบรรทุกสาร เกี่ยวข้องกับเพลิงไหม้ ให้กั้นแยกพื้นที่เกิดเหตุ 800 เมตร ( 1/2 ไมล์) และพิจารณาอพยพประชาชนเบื้องต้น 800 เมตร ( 1/2 ไมล์) ทุกทิศทาง
กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) 800
ระยะอพยพประชาชน ในกรณีที่เกิดเพลิงไหม้ หน่วยเป็นเมตร 800
คำแนะนำ 1.หากสารไม่เกิดลุกไหม้ ห้ามฉีดน้ำลงบนตัวสาร

การดำเนินการเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

กรณีเกิดการเพลิงไหม้

ข้อควรระวัง หรือคำเตือน เ 1.หากสารไม่เกิดลุกไหม้ ห้ามฉีดน้ำลงบนตัวสาร
เพลิงไฟขนาดเล็ก 1.ผงเคมีแห้ง CO2 ทราย ดิน น้ำฉีดเป็นฝอย หรือโฟมดับเพลิงชนิดมีขั้ว
เพลิงไฟขนาดใหญ่ 1.ฉีดน้ำปริมาณมากควบคุมเพลิงพร้อมกับฉีกน้ำเป็นหมอกดักจับไอระเหยสารแต่หากน้ำไม่เพียงพอ ให้ฉีดน้ำเป็นหมอกดักจับไอระเหยสารเท่านั้น
เพลิงไหม้ หรือ เกิดอยู่ใกล้ ภาชนะบรรจุหรือรถขนส่ง 1. ฉีดน้ำปริมาณมากหล่อเย็นภาชนะบรรจุ จนกว่าเพลิงจะสงบ
2.ห้ามฉีดน้ำเข้าไปในภาชนะบรรจุ
3. ถอนกำลังเจ้าหน้าที่ทันทีหากอุปกรณ์ระบายความดันนิรภัยของภาชนะบรรจุเกิดเสียงดังหรือภาชนะบรรจุเปลี่ยนสี
4. อยู่ห่างจากภาชนะบรรจุที่ไฟลุกท่วมตลอดเวลา หรือโฟมดับเพลิงชนิดมีขั้ว
เพลิงไหม้ หรือ เกิดอยู่ใกล้ ตู้สินค้า

กรณีเกิดการหกรั่วไหล

วิธีการเข้าระงับเหตุ 1.สวมชุดป้องกันไอระเหยสารแบบคลุมทั้งตัว หากต้องปฏิบัติหน้าที่ในบริเวณที่มีการรั่วไหล แต่ไม่มีเพลิงไหม้
2.ห้ามสัมผัสภาชนะบรรจุที่เสียหายหรือสารที่หกรั่วไหล หากไม่สามใส่ชุดป้องกันส่วนบุคคลที่เหมาะสม
3 ระงับการรั่วไหลของสาร หากทำได้โดยไม่เสี่ยงอันตราย
4.ฉีดน้ำเป็นฝอยดักจับไอระเหยสาร แต่ห้ามฉีดน้ำใส่จุดที่รั่ว บริเวณที่สารแพร่กระจาย หรือภายในภาชนะบรรจุ
5.แยกสารที่ติดไฟได้ (ไม้ กระดาษ น้ำมัน ฯ) ออกจากบริเวณที่สารรั่วไหล
คำเตือนสำหรับการเข้าระงับเหตุเมื่อเกิดการหกรั่วไหล
หกรั่วไหลปริมาณเล็กน้อย 1.ปิดทับด้วยดินแห้ง ทรายแห้ง หรือวัสดุอื่นที่ไม่ติดไฟ แล้วปิดคลุมด้วยแผ่นพลาสติกอีกชั้นหนึ่ง เพื่อลดการแพร่กระจายหรือการสัมผัสกับน้ำฝน
2.เก็บรวบรวมสารที่หกหล่นด้วยอุปกรณ์ที่สะอาดและไม่ก่อให้เกิดประกายไฟ ใส่ในภาชนะบรรจุด้วยพลาสติกปิดฝาอย่างหลวม ๆ เพื่อส่งกำจัดต่อไป
3.ป้องกันมิให้สารไหลลงน้ำ ท่อระบายน้ำ ชั้นใต้ดิน หรือบริเวณอับอากาศ
หกรั่วไหลปริมาณมาก

การปฐมพยาบาล

คำแนะนำ 1.นำผู้บาดเจ็บไปยังพื้นที่อากาศบริสุทธิ์
2. โทรแจ้ง 191 หรือหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ฉุกเฉิน 1669
3. ใช้เครื่องช่วยหายใจหากผู้บาดเจ็บหยุดหายใจ
4. ให้ออกซิเจนถ้าผู้บาดเจ็บหายใจลำบาก
5. ถอดและแยกเก็บเสื้อผ้าและรองเท้าที่ปนเปื้อน
6. ห้ามผายปอดด้วยวิธีการเผ่าปาก หากผู้บาดเจ็บกลืนหรือหายใจรับสารเคมีเข้าสู่ร่างกาย ให้ใช้เครื่องช่วยหายใจชนิดมีที่ครอบให้อากาศแบบวาล์วทางเดียว หรืออุปกรณ์ช่วยหายใจอื่นที่เหมาะสม
7. รักษาอุณหภูมิร่างกายผู้บาดเจ็บให้อบอุ่นและให้อยู่ในที่สงบ
8. ถ้าสัมผัสกับสาร ให้ล้างผิวหนังและดวงตาโดยวิธีให้น้ำหลผ่านทันที อย่างน้อย 20 นาที
9.หากผิวหนังสัมผัสกับสารเล็กน้อย ต้องหลีกเลี่ยงมิให้สารแพร่กระจายสัมผัสผิวหนังบริเวณอื่น ๆ
10.การกำจัดสารที่เป็นของแข็งหลอมเหลวออกจากผิวหนังต้องได้รับการช่วยเหลือทางการแพทย์
11. อาการบาดเจ็บจากการสัมผัสกับสาร(หายใจ กิน สัมผัส) อาจเกิดขึ้นช้า (ภายใน 48 ชั่วโมง)
12. ต้องมั่นใจว่าหน่วยแพทย์ทราบชนิดและอันตรายของสารต่าง ๆ รวมทั้งมีการป้องกันตนเองอย่างเหมาะสม

มาตรการกำจัดของเสีย

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ทำการดูดระบายอากาศ เก็บกวาดสารที่หกออกมาใส่ในภาชนะที่ปิดสนิทให้มากที่สุด ใช้ทรายดูดซับเฉื่อยโรยที่ของเหลวที่เหลือแล้วนำไปทิ้งในที่ที่ปลอดภัย

การทำปฏิกิริยา การระเบิด

ทำปฏิกิริยารุนแรงกับน้ำ ทำให้เกิดความร้อนและการสลายตัวของสาร รวมทั้งไฮโดรคลอริก แอซิด และฟอสฟอรัส แอซิด

ข้อมูลสารเคมีที่ทําปฏิกิริยากัน

ข้อมูลการเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศน์

ป้องกันไม่ให้ไหลลงสู่ระบบสุขาภิบาล, ดิน หรือสิ่งแวดล้อม

มาตรการป้องกัน

ต้องมีการเตรียมการเก็บกักสิ่งที่เกิดจากการดับเพลิง เก็บในที่แห้ง เก็บในภาชนะปิดสนิท ทำการระบายอากาศตามแนวพื้น

ข้อมูลเพิ่มเติม

Version: 1.0.190 BETA