ช้อมูลทั่วไป
ชื่อภาษาไทย | ยูเรเนียมเฮกซาฟลูออไรด์ |
ชื่อภาษาอังกฤษ | Uranium hexafluoride |
ชื่อทางการค้า | |
ประเภทสารเคมี | 7. วัสดุกัมมันตรังสี |
Cas no. | 7783-81-5 |
UN Number | 2977 |
Formula | UF6 |
จุดเดือด | 0 องศาเซลเซียส |
จุดหลอมละลาย | 0 องศาเซลเซียส |
AEGL1 | 0.25 |
AEGL2 | 0.67 |
AEGL3 | 2.5 |
NFPA |
0
0
0
|
ความอันตราย
กลุ่มสารเคมี | สารกัมมันตรังสี - กัดกร่อน (ยูเรเนียม เฮกซะฟลูออไรด์/ทำปฏิกิริยากับน้ำ) |
Polimerization | ไม่เป็น Polimerization |
สารเคมีมีอันตรายสูงหากสูดดม (Toxic Inhalation Hazard:TIH) | เป็น |
ก๊าซพิษเมื่่อสารสัมผัสกับน้ำ | |
อัคคีภัยหรือการระเบิด | 1.สารไม่ติดไฟ
2.สารอาจทำปฏิกิริยารุนแรงกับน้ำมันเชื้อเพลิง 3.ภาชนะบรรจุเป็นแบบ 2 ชั้น มีภาชนะชั้นนอกครอบไว้ (รูปร่างทรงกระบอกแนวนอนมีขาตั้งสั้น ๆ สำหรับการติดตั้ง) ระบด้วยสัญลักษณ์ AF B(U)F หรือ H(U) ในเอกสารกำกับการขนส่งหรือสัญลักษณ์บนภาชนะบรรจุด้านนอก โดยภาชนะบรรจุถูกออกแบบและทดสอบเพื่อให้สามารถทนต่อสภาพไฟลุกที่วมที่อุณหภูมิ 800 C (1475 F) ระยะเวลา 30 นาที 4.ถังบรรจุทรงกระบอกที่ระบุว่าเป็น UN2978 บางครั้งจะมีระบุสัญลักษณ์ H(U) หรือ H(M) ร่วมด้วยอาจฉีกเสียหายเมื่อถูกไฟไหม้ แต่หากถังบรรจุไม่มีสารอยู่ภายใน (ยกเว้นสารตกค้าง) จะไม่ฉีกเสียหายเมื่อถูกไฟไหม้ 5.การแผ่รังสีไม่ได้เปลี่ยนแปลงความไวไฟหรือลักษณะสมบัติอื่น ๆ ของสาร |
ผลต่อสุขภาพ | 1.การแผ่รังสีมีความเสี่ยงอันตรายเล็กน้อยต่อพนังงานรถขนส่ง เจ้าหน้าที่กู้ภัยและประชาชน เมื่อเกิดอุบัติเหตุระหว่างการขนส่ง ความทนทานของภาชนะบรรจุจะเพิ่มขึ้นหากสารกัมมันตรังสีที่บรรจุมีความเสี่ยงอันตรายเพิ่มขึ้น
2.อันตรายทางเคมีของสารสูงกว่าอันตรายจากการปล่อยรังสี 3.สารทำปฏิกิริยากับน้ำและไอน้ำในอากาศเกิดเป็นก๊าซไฮโดรเจฟลูออไรด์ที่เป็นพิษและกัดกร่อนและเกิดสารตกค้างสีขาว ละลายน้ำได้ ที่มีฤทธิ์ระคายเคืองและกัดกร่อนอย่างรุนแรง 4.การสุดดมอาจทำให้เสียชีวิต 5.การสัมผัสสารโดยตรงอาจทำให้เกิดแผลไหม้ผิวหนัง ดวงตา และระบบทางเดินหายใจ 6.สารปล่อยรังสีระดับต่ำ มีอันตรายจากรังสีต่อประชาชนต่ำ 7.น้ำเสียจาการดับเพลิงตู้สินค้าอาจก่อมลพิษระดับต่ำ |
การเข้าระงับเหตุเบื้องต้น
คำแนะนำเบื้องต้น | 1.โทรแจ้งหมายเลขฉุกเฉินที่ระบุในเอกสารกำกับขนส่ง หากไม่พบเอกสาร ฯ หรือ ไม่มีผู้รับสายให้โทรแจ้งหมายเลขที่เหมาะสมที่ระบุอยู่ด้านหลังในปกหลังคู่มือ
2.การช่วยชีวิต การกู้ชีพ การปฐมพยาบาล การควบคุมเพลิงและความเสี่ยงอันตรายอื่น ๆ มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องทำก่อนการตรวจวัดระดับรังสี 3.แจ้งสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) เบอร์ 025795230-4 ต่อ 552,553,139 (ในเวลาราชกาล) หรือ 025795230-4 ,025620123 (นอกเวลาราชการ) ให้ทราบข้อมูลเหตุการณ์ โดยทั่วไปเจ้าหน้าที่ ปส. มีหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับผลกระทบที่ตามมาของเหตุการณ์และการระงับเหตุฉุกเฉิน 4.กั้นแยกพื้นที่ที่สารรั่วไหลทันที่อย่างน้อย 25 เมตร(750 ฟุต) ทุกทิศทาง 5.อยู่เหนือลม 6.กันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องออกห่างจากพื้นที่ 7.คัดแยกบุคคลที่ไม่บาดเจ็บหรืออุปกรณ์ที่สงสัยว่าปนเปื้อนรังสี : ชะลอการขจัดการปนเปื้อนและการทำความสะอาดพื้นที่จนกว่าจะได้รับคำแนะนำจากหน้าหน้าที่ของ ปส. |
กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง | 25 |
กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง กรณีสารมีสถานะเป็นของเหลว | 0 |
กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง กรณีสารมีสถานะเป็นของแข็ง | 0 |
ชุดป้องกัน
คำแนะนำ | 1.สวมใส่ชุดเครื่องช่วยหายใจส่วนบุคคลแบบมีถังอากาศ
2.สวมชุดป้องกันอันตรายจากสารเคมีตามข้อแนะนำของบริษัทผู้ผลิต ทั้งนี้ชุดป้องกันอันตรายจากสารเคมีไม่สามารถป้องกันอันตรายจากความร้อนสูง 3.ชุดดับเพลิงสามารถป้องกันอันตรายได้อย่างจำกัดเมื่อเกิดกรณีเพลิงไหม้สารแต่อาจไม่สามารถป้องกันอันตรายอย่างมีประสิทธิภาพกรณีที่เกิดเฉพาะการหกรั่วไหล หากมีโอกาสที่จะสัมผัสสารโดยตรง |
ข้อควรระวัง | |
Type |
การอพยพ
การรั่วไหลขนาดเล็ก
กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) | 0 |
เขตป้องกันใต้ลม กลางวัน (เมตร) | 0 |
เขตป้องกันใต้ลม กลางคืน (เมตร) | 0 |
การรั่วไหลขนาดใหญ่
กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) | 0 |
เขตป้องกันใต้ลม กลางวัน (เมตร) | 0 |
เขตป้องกันใต้ลม กลางคืน (เมตร) | 0 |
กรณีเกิดการเพลิงไหม้
คำอธิบายการอพยพ ในกรณีที่เกิดการลุกไหม้ | 1.หากสารปริมาณมากเกี่ยวข้องกับเพลิงไหม้ พิจารณาอพยพประชาชนเบื้องต้น อย่างน้อย 300 เมตร ( 1000 ฟุต) ทุกทิศทาง |
กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) | 300 |
ระยะอพยพประชาชน ในกรณีที่เกิดเพลิงไหม้ หน่วยเป็นเมตร | 0 |
คำแนะนำ | 1.ห้ามฉีดน้ำหรือโฟมดับเพิลงลงบนเนื้อสาร
2.เคลื่อนย้ายภาชนะบรรจุออกจากบริเวณเพลิงไหม้ หากทำได้โดยไม่เสี่ยงอันตราย |
การดำเนินการเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
กรณีเกิดการเพลิงไหม้
ข้อควรระวัง หรือคำเตือน เ | 1.ห้ามฉีดน้ำหรือโฟมดับเพิลงลงบนเนื้อสาร
2.เคลื่อนย้ายภาชนะบรรจุออกจากบริเวณเพลิงไหม้ หากทำได้โดยไม่เสี่ยงอันตราย |
เพลิงไฟขนาดเล็ก | 1.ผงเคมีแห้ง หรือ CO2 |
เพลิงไฟขนาดใหญ่ | 1.ฉีดน้ำเป็นฝอย หมอก หรือโฟมดับเพลิง
2.ฉีดน้ำปริมาณมากหล่อเย็นภาชนะบรรจุ จนกว่าเพลิงจะสงบ 3.หากไม่สามารถทำได้ให้ถอนกำลังออกจากพื้นที่และปล่อยให้ไฟลุกไหม้จนดับไปเอง 4.อยู่ห่างจากภาชนะบรรจุที่ไฟลุกท่วมตลอดเวลา |
เพลิงไหม้ หรือ เกิดอยู่ใกล้ ภาชนะบรรจุหรือรถขนส่ง | |
เพลิงไหม้ หรือ เกิดอยู่ใกล้ ตู้สินค้า |
กรณีเกิดการหกรั่วไหล
วิธีการเข้าระงับเหตุ | 1.ห้ามสัมผัสภาชนะบรรจุที่เสียหายหรือสารที่หกรั่วไหล
2.หากไม่มีเพลิงไหม้หรือควันไฟ การรั่วไหลของสารสังเกตได้จากการมองด้วยตาไอระเหยที่มีฤทธิ์ระคายเคืองหรือสารตกค้างที่อาจเกิดขึ้นในที่เกิดเหตุ 3.ฉีดพ่นน้ำเป็นฝอยละเอียดดักจับเพื่อลดไอระเหยสาร ห้ามฉีดน้ำใส่จุดที่สารรั่วไหลจากถังบรรจุโดยตรง 4.สารตรกค้างอาจจับกันเป็นก้อน ปิดรอยรั่วขนาดเล็กได้เอง 5.สร้างคั้นกั้นหรือร่องกักน้ำเสียที่เกิดขึ้นจากการระงับเหตุ |
คำเตือนสำหรับการเข้าระงับเหตุเมื่อเกิดการหกรั่วไหล | |
หกรั่วไหลปริมาณเล็กน้อย | |
หกรั่วไหลปริมาณมาก |
การปฐมพยาบาล
คำแนะนำ | 1. โทรแจ้ง 191 หรือหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ฉุกเฉิน 1669
2.พิจารณาแก้ไขปัญหาด้านการรักษาพยาบาลอย่างเร่งด่วนก่อนการจัดการวัตถุกัมมันตรังสี 3.ปฐมพยาบาลเบื้องต้นตามอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น 4.ต้องรักษาผู้บาดเจ็บทันทีและรีบนำส่งผู้ที่มีอาการรุนแรงส่งโรงพยาบาล 5. ใช้เครื่องช่วยหายใจหากผู้บาดเจ็บหยุดหายใจ 6. ให้ออกซิเจนถ้าผู้บาดเจ็บหายใจลำบาก 7. ถ้าสัมผัสกับสาร ให้ล้างผิวหนังและดวงตาโดยวิธีให้น้ำหลผ่านทันที อย่างน้อย 20 นาที 8.การปนเปื้อนสารที่รั่วไหลของผู้บาดเจ็บจะไม่ส่งผลต่อเจ้าหน้าที่ดูแลด้านการรักษาพยาบาลหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ 9. ต้องมั่นใจว่าหน่วยแพทย์ทราบชนิดและอันตรายของสารต่าง ๆ รวมทั้งมีการป้องกันตนเองอย่างเหมาะสม |
มาตรการกำจัดของเสีย
กวาดอย่างระมัดระวังลงในภาชนะที่แห้งหรือปิดผนึกได้ |
การทำปฏิกิริยา การระเบิด
ข้อมูลสารเคมีที่ทําปฏิกิริยากัน
ทำปฏิกิริยาอย่างรุนแรงกับน้ำ กรดแก่ และสารประกอบอินทรีย์ |