ช้อมูลทั่วไป
ชื่อภาษาไทย | ไนตรัส ออกไซด์ |
ชื่อภาษาอังกฤษ | Nitrous oxide |
ชื่อทางการค้า | |
ประเภทสารเคมี | 2.2 ก๊าซไม่ไวไฟและไม่เป็นพิษ |
Cas no. | 10024-97-2 |
UN Number | 1070 |
Formula | N2O |
จุดเดือด | -88.5 ํC องศาเซลเซียส |
จุดหลอมละลาย | -90.8 ํC องศาเซลเซียส |
AEGL1 | - |
AEGL2 | - |
AEGL3 | - |
NFPA |
0
0
0
|
ความอันตราย
กลุ่มสารเคมี | ก๊าซ - ออกซิไดซ์ (รวมทั้งก๊าซเหลวเย็นจัด) |
Polimerization | ไม่เป็น Polimerization |
สารเคมีมีอันตรายสูงหากสูดดม (Toxic Inhalation Hazard:TIH) | ไม่เป็น |
ก๊าซพิษเมื่่อสารสัมผัสกับน้ำ | |
อัคคีภัยหรือการระเบิด | 1.สารไม่ลุกติดไฟ แต่ช่วยสนับสนุนการเกิดเพลิงไหม้
2.สารบางชนิดทำปฏิกิริยากับน้ำมันเชื้อเพลิงแล้วทำให้เกิดการระเบิดได้ 3.อาจทำให้สารที่ลุกติดไฟ เช่น ไม้ กระดาษ น้ำมัน ผ้า ลุกติดไฟ 4.ไอระเหยจากก๊าซเหลว ในขั้นต้นจะหนักกว่าอากาศ และแพร่กระจายไปตามพื้น 5.น้ำเสียจาการดับเพลิงอาจก่อมลพิษ 6.ภาชนะบรรจุอาจระเบิดเมื่อได้รับความร้อน 7.ถังบรรจุก๊าซทรงกระบอกที่ฉีกขาดอาจพุ่งไปในทิศทางต่าง ๆ |
ผลต่อสุขภาพ | 1.ไอสารอาจทำให้เกิดอาการมึนศีรษะหรือหายใจไม่ออกโดยไม่รู้ตัว
2.การสัมผัสก๊าซหรือก๊าซเหลวอาจเกิดแผลไหม้ บาดเจ็บหาหัส และ/หรือแผลจากความเย็นจัด 3.หากสารเกิดลุกไหม้ อาจเกิดก๊าซที่มีฤทธิ์ระคายเคือง กัดกร่อน และ/หรือเป็นพิษ |
การเข้าระงับเหตุเบื้องต้น
คำแนะนำเบื้องต้น | 1.โทรแจ้งหมายเลขฉุกเฉินที่ระบุในเอกสารกำกับขนส่ง หากไม่พบเอกสาร ฯ หรือ ไม่มีผู้รับสายให้โทรแจ้งหมายเลขที่เหมาะสมที่ระบุอยู่ด้านในปกหลังคู่มือ
2.กั้นแยกพื้นที่ที่สารรั่วไหลทันที่อย่างน้อย 100 เมตร(330 ฟุต) ทุกทิศทาง 3.กันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องออกห่างจากพื้นที่ 4.อยู่เหนือลม 5.ห้ามอยู่ในที่ต่ำ 6. ก๊าซหลายชนิดจะหนักกว่าอากาศและจะแพร่กระจายไปตามพื้น สะสมตัวในที่ต่ำหรือที่อับอากาศ (ท่อระบายน้ำ ห้องใต้ดิน ถึงเก็บ) 7. ระบายอากาศพื้นที่อับอากาศก่อนเข้าระงับเหตุ |
กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง | 100 |
กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง กรณีสารมีสถานะเป็นของเหลว | 0 |
กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง กรณีสารมีสถานะเป็นของแข็ง | 0 |
ชุดป้องกัน
คำแนะนำ | 1.สวมใส่ชุดเครื่องช่วยหายใจส่วนบุคคลแบบมีถังอากาศ
2.สวมชุดป้องกันอันตรายจากสารเคมีตามข้อแนะนำของบริษัทผู้ผลิต ทั้งนี้ชุดป้องกันอันตรายจากสารเคมีไม่สามารถป้องกันอันตรายจากความร้อนสูง 3.ชุดดับเพลิงสามารถป้องกันอันตรายได้อย่างจำกัดเมื่อเกิดกรณีเพลิงไหม้สารแต่อาจไม่สามารถป้องกันอันตรายอย่างมีประสิทธิภาพกรณีที่เกิดเฉพาะการหกรั่วไหล 4.สวมชุดป้องกันอันตรายจากอุณหภูมิเมื่อมีการถ่ายเทหรือจัดการก๊าซเหลวเย็นจัด |
ข้อควรระวัง | |
Type |
การอพยพ
การรั่วไหลขนาดเล็ก
กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) | |
เขตป้องกันใต้ลม กลางวัน (เมตร) | |
เขตป้องกันใต้ลม กลางคืน (เมตร) |
การรั่วไหลขนาดใหญ่
กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) | |
เขตป้องกันใต้ลม กลางวัน (เมตร) | |
เขตป้องกันใต้ลม กลางคืน (เมตร) |
กรณีเกิดการเพลิงไหม้
คำอธิบายการอพยพ ในกรณีที่เกิดการลุกไหม้ | 1.หากถังบรรจุขนาดใหญ่ ตู้รถไฟหรือรถบรรทุกสาร เกี่ยวข้องกับเพลิงไหม้ ให้กั้นแยกพื้นที่เกิดเหตุ 800 เมตร ( 1/2 ไมล์) และพิจารณาอพยพประชาชนเบื้องต้น 800 เมตร ( 1/2 ไมล์) ทุกทิศทาง |
กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) | 800 |
ระยะอพยพประชาชน ในกรณีที่เกิดเพลิงไหม้ หน่วยเป็นเมตร | 800 |
คำแนะนำ | 1.ใช้สารดับเพลิงที่เหมาะสมกับชนิดของเพลิงไหม้โดยรอบ |
การดำเนินการเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
กรณีเกิดการเพลิงไหม้
ข้อควรระวัง หรือคำเตือน เ | 1.ใช้สารดับเพลิงที่เหมาะสมกับชนิดของเพลิงไหม้โดยรอบ |
เพลิงไฟขนาดเล็ก | 1.ผงเคมีแห้งและ CO2 |
เพลิงไฟขนาดใหญ่ | 1.ฉีดน้ำเป็นฝอย หมอก หรือโฟมดับเพลิง
2. เคลื่อนย้ายภาชนะบรรจุออกจากบริเวณเพลิงไหม้ หากทำได้โดยไม่เสี่ยงอันตราย 3. ท่อบรรจุก๊าซทรงกระบอกที่ชำรุดต้องได้รับการจัดการโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ |
เพลิงไหม้ หรือ เกิดอยู่ใกล้ ภาชนะบรรจุหรือรถขนส่ง | 1. ฉีดน้ำดับเพลิงจากระยะไกลที่สุด หรือใช้หัวฉีดน้ำชนิดที่ไม่ต้องใช้คนควบคุมรหือใช้แท่นฉิดน้ำแทน
2. ฉีดน้ำปริมาณมากหล่อเย็นภาชนะบรรจุ จนกว่าเพลิงจะสงบ 3. ห้ามฉีดน้ำไปยังรอยรั่วหรืออุปกรณ์ระบายความดันโดยตรง อาจมีน้ำแข็งเกาะบริเวณดังกล่าว 3. ถอนกำลังเจ้าหน้าที่ทันทีหากอุปกรณ์ระบายความดันนิรภัยของภาชนะบรรจุเกิดเสียงดังหรือภาชนะบรรจุเปลี่ยนสี 4. อยู่ห่างจากภาชนะบรรจุที่ไฟลุกท่วมตลอดเวลา 5. สำหรับเพลิงไหม้รุนแรงและใหญ่มาก ให้ใช้หัวฉีดชนิดที่ไม่ต้องใช้มือจับหรือใช้แท่นฉิดน้ำแทนหากไม่มีให้ถอนกำลังออกจากพื้นที่และปล่อยให้ไฟลุกไหม้จนดับไปเอง |
เพลิงไหม้ หรือ เกิดอยู่ใกล้ ตู้สินค้า |
กรณีเกิดการหกรั่วไหล
วิธีการเข้าระงับเหตุ | 1.แยกวัสดุ/สารที่ลุกติดไฟได้ (ไม้ กระดาษ น้ำมัน ฯ) ออกจากบริเวณที่มีการรั่วไหล
2. ห้ามสัมผัสหรือเดินย่ำผ่านบริเวณที่สาารหกรั่วไหล 3.ปล่อยให้สารระเหยจนหมด 4. ระงับการรัวไหล ทำได้โดยไม่เสี่ยงอันตราย 5.ระบายอากาศบริเวณที่เกิดเหตุ 6. ฉีดน้ำเป็นฝอยดักจับกลุ่มไอระเหยสารเพื่อลดความเข้มข้นหรือเปลี่ยนทิศทางไอระเหย แต่พยายามอย่าให้น้ำที่ฉีดไหลไปสัมผัสกับตัวสารที่หกรั่วไหลโดยตรง 7. ห้ามฉีดน้ำใส่สารที่นองพื้นที่หรือจุดรั่วไหลโดยตรง 8. หากเป็นไปได้ให้หมุนภาชนะบรรจุจนอยู่ในต่ำแหน่งที่จะมีก๊าซรั่วออกมาเท่านั้น แทนที่จะเป็นของเหลว 9. ป้องกันมิให้สารไหลลงน้ำ ท่อระบายน้ำ ชั้นใต้ดิน หรือบริเวณอับอากาศ 10.คำเตือน วัสดุหลายชนิดเมื่อสัมผัสกับก๊าซเหลวเย็นจัดจะเปราะและแตกหักได้โดยไม่รู้ล่วงหน้า |
คำเตือนสำหรับการเข้าระงับเหตุเมื่อเกิดการหกรั่วไหล | |
หกรั่วไหลปริมาณเล็กน้อย | |
หกรั่วไหลปริมาณมาก | 1.พิจารณาอพยพประชาชนที่อาศัยอยู่ใต้ลมเบื้องต้นอย่างน้อย 500 เมตร (1/3 ไมล์) |
การปฐมพยาบาล
คำแนะนำ | 1.นำผู้บาดเจ็บไปยังพื้นที่อากาศบริสุทธิ์
2. โทรแจ้ง 191 หรือหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ฉุกเฉิน 1669 3. ใช้เครื่องช่วยหายใจหากผู้บาดเจ็บหยุดหายใจ 4. ให้ออกซิเจนถ้าผู้บาดเจ็บหายใจลำบาก 5. ถอดและแยกเก็บเสื้อผ้าและรองเท้าที่ปนเปื้อน 6.เสื้อผ้าที่เข็งติดผิวหนังต้องทำให้คลาดตัวก่อนถอด 7. รักษาอุณหภูมิร่างกายผู้บาดเจ็บให้อบอุ่นและให้อยู่ในที่สงบ 8. ต้องมั่นใจว่าหน่วยแพทย์ทราบชนิดและอันตรายของสารต่าง ๆ รวมทั้งมีการป้องกันตนเองอย่างเหมาะสม |
มาตรการกำจัดของเสีย
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ทําการดูดระบายอากาศ ถ้าเป็นของเหลวห้ามดูดซับด้วยขี้เลื่อยหรือสารดูดซับอื่นที่ติดไฟได้ห้ามฉีดน้ําไปบนของเหลวโดยตรง |
การทำปฏิกิริยา การระเบิด
ทำปฎิกิริยารุนแรงกับซัลฟูรัสแอนไฮไดร์ด อะมอร์ฟัส โบรอน ฟอสฟีน อีเธอร์ อลูมิเนียม ไฮดราซีน เฟนิล-ลิเทียม และทังสเตนคาร์ไบด์ สารนี้เป็นก๊าซที่เป็นสารออกซิไดซ์อย่างแรงที่อุณหภูมิเกิน 300 ํC และสามารถทําให้เกิดส่วนผสมที่ระเบิดได้เมื่อรวมกับแอมโมเนีย คาร์บอนมอนอกไซด์ ไฮโดรเจนซัลไฟด์ น้ํามัน ไขและเชื้อเพลิง |
ข้อมูลสารเคมีที่ทําปฏิกิริยากัน
ข้อมูลการเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศน์
มาตรการป้องกัน
ถ้าอยู่ในอาคารให้เก็บแยกไว้ในที่ป้องกันไฟได้ เก็บแยกจากสารที่เข้ากันไม่ได้ |