ช้อมูลทั่วไป
ชื่อภาษาไทย | กรดไฮโดรคลอริก |
ชื่อภาษาอังกฤษ | Hydrochloric acid |
ชื่อทางการค้า | |
ประเภทสารเคมี | 2.3 ก๊าซพิษ |
Cas no. | 7647-01-0 |
UN Number | 1050 |
Formula | HCI |
จุดเดือด | -85 ํC องศาเซลเซียส |
จุดหลอมละลาย | -114 ํC องศาเซลเซียส |
AEGL1 | - |
AEGL2 | - |
AEGL3 | - |
NFPA |
0
3
1
|
ความอันตราย
กลุ่มสารเคมี | ก๊าซ - กัดกร่อน |
Polimerization | ไม่เป็น Polimerization |
สารเคมีมีอันตรายสูงหากสูดดม (Toxic Inhalation Hazard:TIH) | เป็น |
ก๊าซพิษเมื่่อสารสัมผัสกับน้ำ | |
อัคคีภัยหรือการระเบิด | 1.สารบางชนิดอาจลุกไหม้ แต่ไม่มีชนิดใดลุกไหม้ทันที
2.สารเหล่านี้บางชนิดอาจทำปฏิกิริยาอย่างรุนแรงกับน้ำ 3.ไอระเหยจากก๊าซเหลว ในขั้นต้นจะหนักกว่าอากาศ และแพร่กระจายไปตามพื้น 4.ถังบรรจุก๊าซทรงกระบอกที่ถูกเพลิงไหม้อาจปล่อยก๊าซไวไฟออกมาทางอุปกรณ์ควาบคุมความดันนิรภัย 5.ภาชนะบรรจุอาจระเบิดเมื่อได้รับความร้อน 6.ถังบรรจุก๊าซทรงกระบอกที่ฉีกขาดอาจพุ่งไปในทิศทางต่าง ๆ |
ผลต่อสุขภาพ | 1.เป็นพิษ หากสูดดม กิน หรือ สารดูดซึมผ่านผิวหนังอาจทำให้เสียชีวิตได้
2.ไอระเหยอาจทำให้ระคายเคืองและกัดกร่อนอย่างรุนแรง 3.หากสารเกิดลุกไหม้ อาจเกิดก๊าซที่มีฤทธิ์ระคายเคือง กัดกร่อน และ/หรือเป็นพิษ 4.การสัมผัสก๊าซหรือก๊าซเหลวอาจเกิดแผลไหม้ บาดเจ็บหาหัส และ/หรือแผลจากความเย็นจัด |
การเข้าระงับเหตุเบื้องต้น
คำแนะนำเบื้องต้น | 1.โทรแจ้งหมายเลขฉุกเฉินที่ระบุในเอกสารกำกับขนส่ง หากไม่พบเอกสาร ฯ หรือ ไม่มีผู้รับสายให้โทรแจ้งหมายเลขที่เหมาะสมที่ระบุอยู่ด้านในปกหลังคู่มือ
2.กั้นแยกพื้นที่ที่สารรั่วไหลทันที่อย่างน้อย 100 เมตร(330 ฟุต) ทุกทิศทาง 3.กันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องออกห่างจากพื้นที่ 4.อยู่เหนือลม 5.ห้ามอยู่ในที่ต่ำ 6. ก๊าซหลายชนิดจะหนักกว่าอากาศและจะแพร่กระจายไปตามพื้น สะสมตัวในที่ต่ำหรือที่อับอากาศ (ท่อระบายน้ำ ห้องใต้ดิน ถึงเก็บ) 7. ระบายอากาศพื้นที่อับอากาศก่อนเข้าระงับเหตุ |
กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง | 100 |
กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง กรณีสารมีสถานะเป็นของเหลว | 0 |
กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง กรณีสารมีสถานะเป็นของแข็ง | 0 |
ชุดป้องกัน
คำแนะนำ | 1.สวมใส่ชุดเครื่องช่วยหายใจส่วนบุคคลแบบมีถังอากาศ
2.ชุดดับเพลิงสามารถป้องกันอันตรายได้อย่างจำกัดเมื่อเกิดกรณีเพลิงไหม้สารแต่อาจไม่สามารถป้องกันอันตรายอย่างมีประสิทธิภาพกรณีที่เกิดเฉพาะการหกรั่วไหล 3.สวมชุดป้องกันอันตรายจากสารเคมีตามข้อแนะนำของบริษัทผู้ผลิต ทั้งนี้ชุดป้องกันอันตรายจากสารเคมีไม่สามารถป้องกันอันตรายจากความร้อนสูง |
ข้อควรระวัง | |
Type |
การอพยพ
การรั่วไหลขนาดเล็ก
กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) | 0 |
เขตป้องกันใต้ลม กลางวัน (เมตร) | 0 |
เขตป้องกันใต้ลม กลางคืน (เมตร) | 0 |
การรั่วไหลขนาดใหญ่
กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) | 0 |
เขตป้องกันใต้ลม กลางวัน (เมตร) | 0 |
เขตป้องกันใต้ลม กลางคืน (เมตร) | 0 |
กรณีเกิดการเพลิงไหม้
คำอธิบายการอพยพ ในกรณีที่เกิดการลุกไหม้ | 1.หากถังบรรจุขนาดใหญ่ ตู้รถไฟหรือรถบรรทุกสาร เกี่ยวข้องกับเพลิงไหม้ ให้กั้นแยกพื้นที่เกิดเหตุ 1,600 เมตร ( 1/2 ไมล์) และพิจารณาอพยพประชาชนเบื้องต้น 1,600 เมตร ( 1/2 ไมล์) ทุกทิศทาง |
กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) | 1600 |
ระยะอพยพประชาชน ในกรณีที่เกิดเพลิงไหม้ หน่วยเป็นเมตร | 1600 |
คำแนะนำ |
การดำเนินการเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
กรณีเกิดการเพลิงไหม้
ข้อควรระวัง หรือคำเตือน เ | |
เพลิงไฟขนาดเล็ก | 1.ผงเคมีแห้ง หรือ CO2 |
เพลิงไฟขนาดใหญ่ | 1.ฉีดน้ำเป็นฝอย หมอก หรือโฟมดับเพลิง
2.ห้ามฉีดน้ำเข้าไปภายในภาชนะบรรจุ 3. เคลื่อนย้ายภาชนะบรรจุออกจากบริเวณเพลิงไหม้ หากทำได้โดยไม่เสี่ยงอันตราย 4. ท่อบรรจุก๊าซทรงกระบอกที่ชำรุดต้องได้รับการจัดการโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ |
เพลิงไหม้ หรือ เกิดอยู่ใกล้ ภาชนะบรรจุหรือรถขนส่ง | 1. ฉีดน้ำดับเพลิงจากระยะไกลที่สุด หรือใช้หัวฉีดน้ำชนิดที่ไม่ต้องใช้คนควบคุมรหือใช้แท่นฉิดน้ำแทน
2. ฉีดน้ำปริมาณมากหล่อเย็นภาชนะบรรจุ จนกว่าเพลิงจะสงบ 3. ห้ามฉีดน้ำไปยังรอยรั่วหรืออุปกรณ์ระบายความดันโดยตรง อาจมีน้ำแข็งเกาะบริเวณดังกล่าว 4. ถอนกำลังเจ้าหน้าที่ทันทีหากอุปกรณ์ระบายความดันนิรภัยของภาชนะบรรจุเกิดเสียงดังหรือภาชนะบรรจุเปลี่ยนสี 5. อยู่ห่างจากภาชนะบรรจุที่ไฟลุกท่วมตลอดเวลา |
เพลิงไหม้ หรือ เกิดอยู่ใกล้ ตู้สินค้า |
กรณีเกิดการหกรั่วไหล
วิธีการเข้าระงับเหตุ | 1. สวมชุดป้องกันไอระเหยสารแบบคลุมทั้งตัว หากต้องปฏิบัติหน้าที่ในบริเวณที่มีการรั่วไหล แต่ไม่มีเพลิงไหม้
2.ห้ามสัมผัสหรือเดินย่ำผ่านบริเวณที่สาารหกรั่วไหล 3. ระงับการรั่วไหล ทำได้โดยไม่เสี่ยงอันตราย 4. หากเป็นไปได้ให้หมุนภาชนะบรรจุจนอยู่ในต่ำแหน่งที่จะมีก๊าซรั่วออกมาเท่านั้น แทนที่จะเป็นของเหลว 5. ป้องกันมิให้สารไหลลงน้ำ ท่อระบายน้ำ ชั้นใต้ดิน หรือบริเวณอับอากาศ 6. ฉีดน้ำเป็นฝอยดักจับกลุ่มไอระเหยสารเพื่อลดความเข้มข้นหรือเปลี่ยนทิศทางไอระเหย แต่พยายามอย่าให้น้ำที่ฉีดไหลไปสัมผัสกับตัวสารที่หกรั่วไหลโดยตรง 7. ห้ามฉีดน้ำใส่สารที่นองพื้นที่หรือจุดรั่วไหลโดยตรง 8. กันบริเวณจนกว่าก๊าซพิษเจือจางไป |
คำเตือนสำหรับการเข้าระงับเหตุเมื่อเกิดการหกรั่วไหล | |
หกรั่วไหลปริมาณเล็กน้อย | |
หกรั่วไหลปริมาณมาก | 1.พิจารณาอพยพประชาชนที่อาศัยอยู่ใต้ลมเบื้องต้นอย่างน้อย 100 เมตร (330 ไมล์) |
การปฐมพยาบาล
คำแนะนำ | 1.นำผู้บาดเจ็บไปยังพื้นที่อากาศบริสุทธิ์
2. โทรแจ้ง 191 หรือหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ฉุกเฉิน 1669 3. ใช้เครื่องช่วยหายใจหากผู้บาดเจ็บหยุดหายใจ 4. ห้ามผายปอดด้วยวิธีการเผ่าปาก หากผู้บาดเจ็บกลือนหรือหายใจรับสารเคมีเข้าสู่ร่างกายให้ใช้เครื่องช่วยหายใจชนิดมีที่ครอบให้อากาศแบบวาล์วทางเดียว หรืออุปกรณ์ช่วยหายใจอื่นที่เหมาะสม 5. ให้ออกซิเจนถ้าผู้บาดเจ็บหายใจลำบาก 6. ถอดและแยกเก็บเสื้อผ้าและรองเท้าที่ปนเปื้อน 7.กรณีที่สัมผัสกับก๊าซเหลว ใช้น้ำอุ่นล้างเพื่อทำให้กล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวคลายตัว 8. ถ้าสัมผัสกับสาร ให้ล้างผิวหนังและดวงตาโดยวิธีให้น้ำหลผ่านทันที อย่างน้อย 20 นาที 9.กรณีสัมผัสกับสารไฮโดรเจนฟลูออไรด์ (ไม่มีน้ำเจือจาง)(UN1052) ให้ล้างผิวหนังและดวงตาด้วยน้ำสะอาดอย่างน้อย 5 นาที จากนั้นใช้เจลแคลเซียมทาบริเวณผิวหนังที่สัมผัสกับสาร สำหรับดวงตาให้ใช้สารละลายแคลเซียมในน้ำล้างอีก 15 นาที 10. รักษาอุณหภูมิร่างกายผู้บาดเจ็บให้อบอุ่นและให้อยู่ในที่สงบ 11.เฝ้าระวังอาการผู้บาดเจ็บ 12. อาการบาดเจ็บจากการสัมผัสกับสาร(หายใจ กิน สัมผัส) อาจเกิดขึ้นช้า (ภายใน 48 ชั่วโมง) 13. ต้องมั่นใจว่าหน่วยแพทย์ทราบชนิดและอันตรายของสารต่าง ๆ รวมทั้งมีการป้องกันตนเองอย่างเหมาะสม |
มาตรการกำจัดของเสีย
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ทําการดูด ระบายอากาศกําจัดก๊าซด้วยน้ําฉีดเป็นฝอย |
การทำปฏิกิริยา การระเบิด
สารละลายในน้ําเป็นกรดแก่ซึ่งทําปฏิกริยาอย่างรุนแรงกับด่างและทําลายเนื้อเยื่อ ทําปฏิกิริยาอย่างรุนแรงกับสาร ออกซิไดซ์ทําให้เกิดก๊าซพิษ (คลอรีน-ดู ICSC0126) ทําลายโลหะหลายชนิดเมื่อมีน้ําอยู่ด้วยทําให้เกิดก๊าซที่ติดไฟหรือระเบิดได้ |
ข้อมูลสารเคมีที่ทําปฏิกิริยากัน
ข้อมูลการเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศน์
ป้องกันไม่ให้ไหลลงสู่ระบบสุขาภิบาล, ดิน หรือสิ่งแวดล้อม |
มาตรการป้องกัน
ก็บแยกจากสารรีดิวซ์และสารที่ติดไฟได้สารออกซิไดซ์อย่างแรง ด่างแก่โลหะ |