ช้อมูลทั่วไป

ชื่อภาษาไทย ทินเนอร์
ชื่อภาษาอังกฤษ THINNER
ชื่อทางการค้า
ประเภทสารเคมี 3.ของเหลวไวไฟ
Cas no. 108-88-3
UN Number 1294
Formula
จุดเดือด 110-111 องศาเซลเซียส
จุดหลอมละลาย -93 องศาเซลเซียส
AEGL1 -
AEGL2 -
AEGL3 -
NFPA
3 2 0

ความอันตราย

กลุ่มสารเคมี ของเหลวไวไฟ (ไม่มีขั้ว/ไม่ละลายน้ำ/อันตรายร้ายแรง)
Polimerization ไม่เป็น Polimerization
สารเคมีมีอันตรายสูงหากสูดดม (Toxic Inhalation Hazard:TIH) ไม่เป็น
ก๊าซพิษเมื่่อสารสัมผัสกับน้ำ
อัคคีภัยหรือการระเบิด 1. ไวไฟสูงมาก : จุดติดไฟได้ง่ายด้วยความรอ้น ประกายไฟ หรือเปลวไฟ
2. เมื่อผสมกับอากาศอาจเกิดส่วนผสมที่ระเบิดได้
3. ไอระเหยของสารอาจลอยไปหาแหล่งความร้อนหรือประกายไฟติดไฟและเปลวไฟย้อนกลับไปยังต้นกำเนิดอย่างรวดเร็ว
4. ก๊าซหลายชนิดจะหนักกว่าอากาศและจะแพร่กระจายไปตามพื้น สะสมตัวในที่ต่ำหรือที่อับอากาศ (ท่าระบายน้ำ ห้องใต้ดิน ถึงเก็บ)
5. มีความเสี่ยงจากการระเบิดของไอระเหยสารทั้งภายในและภายนอกอาคาร หรือในท่อระบายน้ำ
6. สารที่ชื่อมีสัญลักษณ์ตัว P อาจเกิดระเบิดเนื่องจากปฏิกิริยาโพลิเมอไรซ์เมื่อได้รับความร้อนหรืออยู่ใกล้เพลิงไหม้
7. น้ำเสียหรือสารที่ไหลออกจากที่เกิดเหตุอาจก่อให้เกิดเพลิงไหม้หรือเกิดการระเบิดได้
8. ภาชนะบรรจุอาจระเบิดเมื่อได้รับความร้อน
9. ของเหลวส่วนใหญ่เบากว่าน้ำ
ผลต่อสุขภาพ 1. อาจเป็นพิษหากสูดดมหรือซึมผ่านผิวหนัง
2. การสูดดมหรือสัมผัสกับสารอาจทำให้ผิวหนังและดวงตาระคายเคืองหรือเป็นแผลไหม้
3. หากสารเกิดลุกไหม้ อาจเกิดก๊าซที่มีฤทธิ์ระคายเคือง กัดกร่อน และ/หรือเป็นพิษ
4. ไอระเหยอาจทำให้มึนงง หรือหายใจลำบาก
5. น้ำเสียจากการดับเพลิงอาจก่อมลพิษ

การเข้าระงับเหตุเบื้องต้น

คำแนะนำเบื้องต้น 1.โทรแจ้งหมายเลขฉุกเฉินที่ระบุในเอกสารกำกับขนส่ง หากไม่พบเอกสาร ฯ หรือ ไม่มีผู้รับสายให้โทรแจ้งหมายเลขที่เหมาะสมที่ระบุอยู่ด้านในปกหลังคู่มือ
2.กั้นแยกพื้นที่ที่สารรั่วไหลทันที่อย่างน้อย 50 เมตร(150 ฟุต) ทุกทิศทาง
3.กันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องออกห้างจากพื้นที่
4.อยู่เหนือลม
5.ห้ามอยู่ในที่ต่ำ
6. ระบายอากาศพื้นที่อับอากาศก่อนเข้าระงับเหตุ
กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง 50
กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง กรณีสารมีสถานะเป็นของเหลว 0
กั้นแยกพื้นที่รอบทิศทาง กรณีสารมีสถานะเป็นของแข็ง 0

ชุดป้องกัน

คำแนะนำ 1.สวมใส่ชุดเครื่องช่วยหายใจส่วนบุคคลแบบมีถังอากาศ
-ชุดดับเพลิงสามารถป้องกันอันตรายได้อย่างจำกัดเมื่อเกิดกรณีเพลิงไหม้สารแต่อาจไม่สามารถป้องกันอันตรายอย่างมีประสิทธิภาพกรณีที่เกิดเฉพาะการหกรั่วไหล
-สวมชุดป้องกันอันตรายจากอุณหภูมิเมื่อมีการถ่ายเทหรือจัดการก๊าซเหลวเย็นจัด
ข้อควรระวัง
Type

การอพยพ

การรั่วไหลขนาดเล็ก

กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) 0
เขตป้องกันใต้ลม กลางวัน (เมตร) 0
เขตป้องกันใต้ลม กลางคืน (เมตร) 0

การรั่วไหลขนาดใหญ่

กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) 0
เขตป้องกันใต้ลม กลางวัน (เมตร) 0
เขตป้องกันใต้ลม กลางคืน (เมตร) 0

กรณีเกิดการเพลิงไหม้

คำอธิบายการอพยพ ในกรณีที่เกิดการลุกไหม้ 1.หากถังบรรจุขนาดใหญ่ ตู้รถไฟหรือรถบรรทุกสารเกี่ยวข้องกับเพลิงไหม้ ให้กั้นแยกพื้นที่เกิดเหตุ 800 เมตร ( 1/2 ไมล์) และพิจารณาอพยพประชาชนเบื้องต้น 800 เมตร ( 1/2 ไมล์) ทุกทิศทา
กั้นเขตอัตรายรอบทิศทาง (เมตร) 800
ระยะอพยพประชาชน ในกรณีที่เกิดเพลิงไหม้ หน่วยเป็นเมตร 800
คำแนะนำ สารเหล่านี้มีจุดวาบไฟต่ำมาก การดับเพลิงด้วยการฉีดน้ำเป็นฝอยอาจไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ

การดำเนินการเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

กรณีเกิดการเพลิงไหม้

ข้อควรระวัง หรือคำเตือน เ สารเหล่านี้มีจุดวาบไฟต่ำมาก การดับเพลิงด้วยการฉีดน้ำเป็นฝอยอาจไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ
เพลิงไฟขนาดเล็ก ผงเคมีแห้ง CO2 น้ำฉีดเป็นฝอย หรือโฟมดับเพิง
เพลิงไฟขนาดใหญ่ ฉีดน้ำเป็นฝอย หมอก หรือโฟมดับเพลิง
- ห้ามฉีดน้ำเป็นลำตรง
- เคลื่อนย้ายภาชนะออกจากบริเวณเพลิงไหม้ หากทำได้โดยไม่เสี่ยงอันตราย
เพลิงไหม้ หรือ เกิดอยู่ใกล้ ภาชนะบรรจุหรือรถขนส่ง 1. ฉีดน้ำดับเพลิงจากระยะไกลที่สุด หรือใช้หัวฉีดน้ำชนิดที่ไม่ต้องใช้คนควบคุมหรือใช้แท่นฉีดน้ำแทน
- ฉีดน้ำปริมาณมากหล่อเย็นภาชนะบรรจุ จนกว่าเพลิจะสงบ
- ถอนกำลังเจ้าหน้าที่ทันที หากอุปกรณ์ระบายความดันนิรภัยของภาชนะบรรจุเกิดเสียงดังหรือภาชนะบรรจุเปลี่ยนสี
- อยู่ห่างจากภาชนะบรรจุที่ไฟลุกท่วมตลอดเวลา
- สำหรับเพลิงไหม้รุ่นแรงและใหญ่มาก ให้ใช้หัวฉีดน้ำชนิดที่ไม่ต้องใช้มือจับหรือใช้แท่นฉีดน้ำแทน หากไม่มีให้ถอนกำลังออกจากพื้นที่และปล่อยให้ไฟลุกไหม้จนดับไปเอง
เพลิงไหม้ หรือ เกิดอยู่ใกล้ ตู้สินค้า

กรณีเกิดการหกรั่วไหล

วิธีการเข้าระงับเหตุ -กำจัดแหลงที่อาจทำให้เกิดการจุดไฟทั้งหมด (ห้ามสูบบุหรี่ จุดพลุ ทำให้เกิดประกายไฟหรือเปลไฟ บริเวณจุดเกิดเหตุ)
- อาจฉีดโฟมดักจับ เพื่อลดไอระหยสาร
-อุปกรณ์ที่ใช้ในการถ่ายเทหรือขนย้ายสารต้องต่อสายดิน
- ห้ามสัมผัสหรือเดินย่ำผ่านบริเวณที่สารหกรั่วไหล
- ระงับการรัวไหลของสาร หากทำได้โดยไม่เสี่ยงอันตราย
- ป้องกันมิให้สารไหลลงน้ำ ท่อระบายน้ำ ชั้นใต้ดิน หรือบริเวณอับอากาศ
- ดูดซับหรือปิดทับสารด้วยดิน ทรายแห้ง หรือวัสดุอื่นที่ไม่ติดไฟ แล้วเก็บไส่ในภาชนะบรรจุ
- ใช้อุปกรณ์ที่สะอาดและไม่ก่อให้เกิดประกายไฟเก็บรวบรวมสารที่ถูกดูดซับ
คำเตือนสำหรับการเข้าระงับเหตุเมื่อเกิดการหกรั่วไหล
หกรั่วไหลปริมาณเล็กน้อย
หกรั่วไหลปริมาณมาก 1.สร้างคันกั้นหรือขุดร่องกักของเหลวที่แพร่กระจายเพื่อกำนัดต่อไป
2.การฉีดน้ำเป็นฝอยอาจลดไอระเหยสารได้ แต่อาจไม่สามารถป้องกันการจุดติดไฟในที่จำกัดได้

การปฐมพยาบาล

คำแนะนำ 1.นำผู้บาดเจ็บไปยังพื้นที่อากาศบริสุทธิ์
2. โทรแจ้ง 191 หรือหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ฉุกเฉิน 1669
3. ให้เครื่องช่วยหายใจหากผู้บาดเจ็บหยุดหายใจ
4. ให้ออกซิเจนถ้าผู้บาดเจ็บหายใจลำบาก
5. ถอดและแยกเก็บเสื้อผ้าและรองเท้าที่ปนเปื้อน
6.ล้างผิวหนังด้วยสบู่และน้ำ
7. ถ้าสัมผัสกับสาร ให้ล้างผิวหนังและดวงตาโดยวิธีให้น้ำหลผ่านทันที อย่างน้อย 20 นาที
8. กรณีเกิดแผลไหม้ ทำให้ผิวหนังบริเวณดังกล่าวเย็นทันทีโดยแช่น้ำเย็นนานเท่าที่จะทำได้ ห้ามถอดเสื้อผ้าที่แข็งติดกับผิวหนัง
9.รักษาร่างกายของผู้บาดเจ็บให้อบอุ่นและอยุ่ในที่สงบ
10. อาการบาดเจ็บจากการสัมผัสกับสาร(หายใจ กิน สัมผัส) อาจเกิดขึ้นช้า (ภายใน 48 ชั่วโมง)
11. ต้องมั่นใจว่าหน่วยแพทย์ทราบชนิดและอันตรายของสารต่าง ๆ รวมทั้งมีการป้องกันตนเองอย่างเหมาะสม

มาตรการกำจัดของเสีย

หลีกเลี่ยงแหล่งกำเนิดประกายไฟทุกชนิด เช่น ประกายไฟ สารไวไฟ อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่มีการป้องกันหรือชำรุด ระบายอากาศให้มีการถ่ายเท และหลีกเลี่ยงการสูดดม สวมชุดป้องกัน และอุปกรณ์ช่วยหายใจเมื่อต้องรับมือกับการรั่วไหลหรือ เกิดเพลิงไหม้ เก็บสารที่หกรั่วไหลด้วยตัวดูดซับ และส่งกำจัดเพื่อความปลอดภัย ควรกำจัดของเสีย และภาชนะบรรจุตามระเบียบภายใต้กรมควบคุมมลพิษ เก็บให้ห่างจากท่อระบายน้ำ ดิน และแหล่งน้ำตามธรรมชาติ ไม่ให้น้ำที่ปนเปื้อนสารเคมีไหลสู่ท่อระบายน้ำหรือทางน้ำไหล

การทำปฏิกิริยา การระเบิด

ข้อมูลสารเคมีที่ทําปฏิกิริยากัน

ข้อมูลการเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศน์

ข้อมูลความเป็นพิษเฉียบพลันสำหรับการรั่วไหลหรือของเสีย: ป้องกันการรั่วไหลและน้ำเสียจากท่อระบายน้ำไหลเข้ามาในน้ำ หรือพื้นที่กฎหมาย เพื่อหลีกเลี่ยงมลพิษ

มาตรการป้องกัน

ข้อมูลเพิ่มเติม

Version: 1.0.190 BETA